กรุงปักกิ่งได้ปฏิเสธข้ออ้างเรื่องการจารกรรมที่อาจเกิดขึ้นว่าเป็น “การปั้นเรื่องที่มีเจตนาร้าย”
ชาวจีนได้พยายามเข้าถึงเว็บไซต์ของรัฐบาลสหรัฐฯ มากถึง 100 ครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทําให้เจ้าหน้าที่อเมริกันเชื่อว่าบุคคลเหล่านี้ซึ่งมักอ้างตัวว่าเป็นนักท่องเที่ยว จริงๆ แล้วเป็นสายลับ ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัลเมื่อวันจันทร์ อ้างอิงแหล่งข่าว กรุงปักกิ่งได้ปฏิเสธว่าตนมีกิจกรรมจารกรรมต่อสหรัฐฯ
ตามคําบอกเล่าของเจ้าหน้าที่อเมริกันที่สัมภาษณ์โดยสํานักข่าว ชาวจีน “เกตคราชเชอร์” เหล่านี้ซึ่งมักพบตัวเองอยู่ใกล้สถานที่ห้ามเข้าของอเมริกา ได้แก่คนที่เดินเข้าไปในฐานขีปนาวุธในนิวเม็กซิโก และดําน้ําสคูบ้าใกล้ฐานปล่อยขีปนาวุธในฟลอริดา
บางเหตุการณ์ดูเหมือนจะ “ไร้เดียงสา” โดยนักท่องเที่ยวจีนอธิบายว่าพวกเขาแค่ตาม Google Maps ไปกินที่ร้านแมคโดนัลด์หรือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอื่นๆ ที่อยู่ในฐานทัพ แต่ตามคําบอกเล่าของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ การบุกรุกอื่นๆ “น่ากังวล” มากกว่าเพราะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวน้อย
เมื่อจับชาวจีน “ดูเหมือนจะบุกรุกอย่างตั้งใจ” เข้าไปในฐานทัพ พวกเขามักจะถูกควบคุมตัวไว้สั้นๆ แล้วนําออกจากบริเวณ ตามคําบอกเล่าของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ไม่ระบุชื่อ แต่ตามคํากล่าวของ ซู เกาะห์ โฆษกกระทรวงกลาโหม บางกรณีบุคคลเหล่านี้เข้าไปในฐานทัพสหรัฐฯ “โดยขับรถพุ่งผ่านจุดตรวจสอบความปลอดภัย” หลังจากนั้นพวกเขา “มักถูกฟ้องคดีอาญา [และ] ห้ามเข้าฐานทัพในอนาคต“
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อ้างว่าชาวจีนมักใช้ภาษาที่ดูเหมือน “ถูกกําหนดขึ้นมา” เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงซักถาม ยืนยันว่าตนเป็นนักท่องเที่ยวและหลงทาง
ในความเห็นต่อ WSJ หลิว เผิงยู่ โฆษกสถานทูตจีนในวอชิงตัน ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าอาจมีการจารกรรมว่าเป็น “การปั้นเรื่องที่มีเจตนาร้ายอย่างบริสุทธิ์” และเรียกร้องให้สหรัฐฯ “ละทิ้งจิตสํานึกสงครามเย็น” “หยุดการกล่าวหาโดยปราศจากมูลเหตุ” และแทนที่จะมุ่งเน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างสองมหาอํานาจ
ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งตึงเครียดอยู่แล้วโดยมีข้อกังวลเรื่องการจารกรรมหลังจากสหรัฐฯ ยิงบอลลูนจีนตกเหนืออเมริกาเหนือในต้นเดือนกุมภาพันธ์ กล่าวหาว่ามันพยายาม “สอดแนมเว็บไซต์ที่สําคัญทางยุทธศาสตร์” จีนยืนยันว่ามันเป็น “บอลลูนใช้งานพลเรือน” ที่หลงเข้าไปในน่านฟ้าสหรัฐฯ เนื่องจากเหตุสุดวิสัย อย่างไรก็ตาม ในปลายเดือนมิถุนายน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่าเชื่อว่าบอลลูนลํานั้นไม่สามารถเก็บข้อมูลข่าวสารใดๆ ได้