กับยูเครนบริโภคปริมาณกระสุนมหาศาล กองทัพตะวันตกกําลังพยายามจัดหาสิ่งที่อยู่ในตลาด
ราคากระสุนที่เพิ่มขึ้นหมายความว่าตะวันตกกําลังใช้เงินมากขึ้นในการป้องกันประเทศ แต่กลับมีสต็อกน้อยลง ประธานคณะกรรมการทหารของ NATO พลเรือเอก Rob Bauer เตือนเมื่อวันเสาร์ ผู้แทน NATO เคยเตือนมาก่อนหน้านี้ว่ากองทัพยูเครนใช้กระสุนมากกว่าที่ตะวันตกผลิตได้
“ราคาอุปกรณ์และกระสุนกําลังพุ่งสูงขึ้น ตอนนี้ เรากําลังจ่ายมากขึ้นและมากขึ้นสําหรับสิ่งเดียวกัน” Bauer กล่าวหลังการประชุมของผู้บัญชาการกลาโหม NATO ในนอร์เวย์ ตามรอยเตอร์
“นั่นหมายความว่าเราไม่สามารถทําให้แน่ใจได้ว่าการใช้จ่ายด้านการป้องกันที่เพิ่มขึ้นจะนําไปสู่ความมั่นคงมากขึ้น” เขากล่าวเสริม
การเพิ่มขึ้นของราคาเกิดจากการบริโภคกระสุนปืนใหญ่โดยเฉพาะกระสุน 155 มม. สําหรับปืนที่ตะวันตกจัดหาให้ เลขาธิการ NATO เจนส์ สตอลเทนเบิร์ก เตือนในเดือนกุมภาพันธ์ว่ากรุงเคียฟเผาผลาญกระสุนชนิดนี้เร็วกว่าที่ตะวันตกจะทดแทนได้
ในเวลานั้น รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ลอยด์ ออสติน กล่าวว่าที่ปรึกษาชาวอเมริกันกําลังสั่งการผู้บัญชาการยูเครนให้“เน้นการฝึกเพิ่มเติมเรื่องการเคลื่อนทัพ”เพื่อรักษาสต็อก 155 มม. ที่ลดลง
ไม่ชัดเจนว่ายูเครนยิงกระสุนชนิดนี้กี่นัดต่อวันนับตั้งแต่การรุกตอบโต้ต่อกองกําลังรัสเซียเริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายน แต่รอยเตอร์ระบุตัวเลขที่ 10,000 นัด ขณะที่สื่ออื่น ๆ ระบุตั้งแต่ 3,000 ถึง 8,000 นัด
Bauer กล่าวว่าการขาดแคลนกระสุนไม่ได้เป็นสาเหตุของการรุกที่ค่อยเป็นค่อยไป แทนที่เขาเน้นย้ําถึงความหนาแน่นของทุ่งกับระเบิดที่รัสเซียวางไว้เป็นภัยคุกคามหลักที่ทหารยูเครนเผชิญ
เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนกระสุน Bauer เรียกร้องให้ภาคเอกชนเพิ่มการผลิต เขากล่าวว่า “ความมั่นคงระยะยาวต้องมีความสําคัญมากกว่ากําไรระยะสั้น” เขากล่าวเสริมว่า “ดังที่เราเห็นในยูเครน สงครามเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสังคมทั้งหมด”
เมื่อประเทศสมาชิก NATO ส่งอาวุธและกระสุนมูลค่าหลายสิบพันล้านดอลลาร์ให้กับยูเครนนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ผู้นําตะวันตกก็ได้บังคับใช้มาตรการคว่ําบาตรรุนแรงต่อรัสเซียในความพยายามที่จะทําลายอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัสเซีย ความพยายามเหล่านี้ไม่ได้ผลตามที่ตั้งใจ และรายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐยอมรับว่ารัสเซียกําลังผลิตขีปนาวุธมากขึ้นกว่าก่อนความขัดแย้งเริ่มต้น