จากพ่ายศึกเลือกตั้งซ่อมภาคใต้ สู่แผ่นดินไหว พปชร. และเกมจิ๊กซอว์การเมือง

จากพ่ายศึกเลือกตั้งซ่อมใต้ สู่แผ่นดินไหว พปชร. และเกมจิ๊กซอว์การเมือง

จากศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส. สงขลา เขต 6 และชุมพร เขต 1 ที่ พรรคพลังประชารัฐ พ่ายแพ้ให้กับ พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของเก้าอี้ที่รักษาพื้นที่ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นทั้งสองเขต? เพราะหลังการนับผลคะแนนเลือกตั้ง อิสรพงษ์ มากอำไพ หลานชายของ ชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร ได้คะแนนนำโด่ง ทนายแดง-ชวลิต อาจหาญ ผู้สมัครของ พปชร. เช่นเดียวกับสงขลา ที่แม้คะแนนจะห่างกันแค่ 5,000 คะแนน แต่ น้ำหอม-สุภาพร กำเนิดผล ภรรยา นายกชาย-เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา ก็เอาชนะ อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ แม้จะมีการหาเสียงที่ชู พล.อ.ประยุทธ์ และนโยบายของรัฐบาลเหมือนกัน เช่น โครงการคนละครึ่ง แต่หลายคนก็มองว่าเป็นเพราะตัวผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์มีเครือข่ายท้องถิ่นมากกว่า หรืออาจเป็นเพราะพรรค ปชป. ชู พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่า ในขณะที่พรรค พปชร. เน้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ตามที่นายชุมพล กล่าวก็อาจเป็นได้

“สนิมเนื้อใน” คงเป็นคำที่หลายคนนิยามสถานการณ์ของพรรค พปชร. หลังพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้ง เพราะหากติดตามการเคลื่อนไหวของพรรคจะเห็นว่าระยะหลังมานี้ พล.อ.ประวิตร เป็นตัวห้ามศึกภายในพรรคที่แบ่งออกเป็นหลายขั้ว ยื้ออำนาจกันภายในพรรค และขณะเดียวกันก็ต้องประคองไม่ให้เกิดภาพความแตกแยกของพี่น้อง 3 ป. เห็นได้จากการขึ้นเวทีปราศรัยทุกครั้งก็จะกล่าวถึงนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ และการทุ่มเททำงานหนักกว่า 8 ปี แต่นักวิชาการก็มองว่าข้อผิดพลาดต่อมาที่ทำให้ พปชร. แพ้เลือกตั้งก็คือการปราศรัยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคที่กล่าวทำนองว่า “เลือก ส.ส. ต้องเลือกคนมีชาติตระกูลและมีตังค์” เป็นการหมิ่นน้ำใจคนใต้

“ไม่เป็นเนื้อเดียวกันแต่แรก” คงเป็นนิยามที่น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะ พปชร. เกิดมาจากการรวมมุ้งต่างๆ ทั้ง สามมิตร ธรรมนัส กปปส. สี่กุมาร ฯลฯ แม้ระหว่างทางหลายกลุ่มจะถูกกำจัดออกไปจากเกมการเมือง จนเหลือเพียง 2 กลุ่มหลักที่ยื้ออำนาจในพรรคตอนนี้ คือ สามมิตร และธรรมนัส แต่ยิ่งกลุ่มน้อย การเปิดหน้าปะทะก็ยิ่งชัดเจน เพราะจากการเลือกตั้งซ่อม ผอ. เลือกตั้ง จ.ชุมพร คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และ ผอ. เลือกตั้ง จ.สงขลา คือ เสี่ยเฮ้ง-นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ต่างก็เป็นคนที่อยู่ฟากสามมิตร ถึงขนาดเสี่ยเฮ้งเองออกมายอมรับว่าข้อควาในไลน์กลุ่มที่หลุดไปเป็นของตนจริง ซึ่งเนื้อหาในแชทคือการเสนอให้ทำโพลหาสาเหตุที่พรรคตกต่ำ เพราะธรรมนัสเป็นเลขาธิการพรรค หรือเพราะธรรมนัส ไม่มีคนยอมรับ

ต่อมา (วันที่ 19 มกราคม 2565) มีการเรียกประชุมพรรค พปชร. ในช่วงเช้า และมีการนัดคุยนอกรอบกับ พล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ “สภาล่ม” ในขณะที่กำลังพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ… ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ และมีพรรคการเมืองเสนอร่างกฎหมายลักษณะเดียวกันประกบอีก 4 ฉบับ ซึ่งนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม หรืออีกด้านหนึ่งก็คือ “คนฝั่งธรรมนัส” ขอนับองค์ประชุม ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนรัฐบาล เพราะหากไม่นับองค์ประชุม และปล่อยให้มีการโหวตและร่างกฎหมายเหล่านี้ไม่ผ่าน รัฐบาลก็ต้องยุบสภาเพราะเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน

ส่วนเกมนอกสภา ร.อ.ธรรมนัส ประกาศจะมีการแถลงข่าวพ้นจากสมาชิกพรรค พปชร. พร้อม ส.ส. อีก 21 คน โดยเป็นการถูกขับออกจากพรรค ไม่ใช่การลาออก เพื่อเป็นการเลี่ยงข้อกฎหมายไม่ให้ ส.ส. ที่ออกจากพรรคต้องพ้นสภาพ ส.ส. และต้องเลือกตั้งใหม่ แต่มีสิทธิ์สังกัดพรรคใหม่ได้ภายใน 30 วัน

ในการต่อรองครั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ที่จะออกไปพร้อมกัน 21 คน นำโดย อาทิ 1.นายเอกราช ช่างเหล่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2.นายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น  3.นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส. ตาก  4.นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก 5.นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร 6.นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร 7.นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช  8.นายวัฒนา สิทธิวัง ส.ส.ลำปาง 9.นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา  10.นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ 11.นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น 12.นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา 13.นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 14.นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร 15.นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส 16.นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ ต้องการให้ปรับ ครม. และ ให้  ส.ส. 21 คน ต้องมี 1 ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ถ้าไม่มีการปรับ ครม. ทันที ส.ส. ทั้ง  21 คน ก็จะไม่เป็นองค์ประชุมในสภาฯให้แก่รัฐบาล 

จนสุดท้ายในช่วงค่ำก็มีพรรค พปชร. มีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส และพวก ออกจากพรรค แม้ ร.อ.ธรรมนัส จะโพสต์เฟซบุ๊กด้วย #ไปอยู่พรรคไหนดีครับ แต่ก็มีข่าวว่า ส.ส. กลุ่มนี้จะย้ายไปสังกัดพรรคสำรอง อย่างพรรคเศรษฐกิจไทย ที่มีปลัดฉิ่ง-ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พปชร. น้องรัก พล.อ.ประวิตร เป็นแกนนำ ซึ่งเกมนี้ก็อาจจะดูเหมือนว่ายังไม่เกินมือของ พล.อ.ประวิตร ที่จะควบคุมอยู่ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม จะได้เห็นความชัดเจนอีกครั้งหลังนายไพบูลย์ นิติตะวัน แถลงข่าวในวันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม 2565 เวลา 10.30 ที่รัฐสภา

ประจวบเหมาะกับที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน ที่ประกาศภารกิจแรกหลังเข้าถวายสัตย์รับตำแหน่ง ว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ มาตรา 152 ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นเพียงแค่ญัตติเดียวในวันที่ 21-24 มกราคมนี้ ซึ่งการปรับ ครม. หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ดูจะเป็นเรื่องสมเหตุสมผลกันพอดิบพอดี

อย่างไรก็ตาม เกมนี้คงต้องดูกันไปยาวๆ จนถึงการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า เพราะเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2565 นายสันติ กีรนันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ก็ประกาศลาออกไปร่วมกับพรรคสร้างอนาคตไทย ของกลุ่มสี่กุมาร แม้นายสันติจะเป็นสายตรง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แต่กลับดึง นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และขุนพลเมืองอุบลราชานี ที่เคยอยู่ก๊วนสามมิตรออกไปด้วย อีกทั้งในการเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทยวันนี้ (19 มกราคม 2565) แกนนำพรรคอย่าง นายอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรค พปชร. และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเลขาธิการพรรค พปชร. ก็พูดชัดเจนว่าจะไม่เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่จะเป็น นายสมคิด หรือไม่แล้วแต่มติของพรรคในอนาคต

ดังนั้น หากดูจากสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรงตอนนี้โอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะประคองรัฐบาลไปให้ครบเทอมก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ หากนับเสียง ส.ส. ที่หายไปจากกลุ่ม 21 คนที่ถูกขับออกจากพรรค และยังมี ส.ส.พรรคเล็กฝั่งธรรมนัส รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลที่ต่อรองกันแบบเคสบายเคส ทั้งยังมีศึกใหญ่คือการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ช่วงเดือนสิงหาคม เป็นตัวชี้วัดว่ารัฐบาลชุดนี้จะกระดูกแข็งพอให้ไปต่อหรือไม่ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่ฝ่ายค้านจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่เกิน 8 ปี หลังครบวันที่ 24 สิงหาคมนี้ ตามมาตรา 258 วรรค 4 ในรัฐธรรมนูญ 2560 ถ้ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณในสภาได้ อาจอยู่ได้ครบเทอมโดยไม่ต้องห่วงศึกนอกสภา แต่ถ้ารัฐบาลจัดสรรอำนาจในเกมนี้ไม่ได้ ก็คงจะประคองไปไม่รอดเดือนสิงหาคม

ผู้เขียน : อรรถชัย หาดอ้าน

Next Post

CheckDot Announces the Launch of Its Platform Which Will Save Crypto Industry

Paris, France, January 20, 2022 – (SEAPRWire) – Recently, CheckDot has announced the launch of its platfrom which will save the crypto industry. CheckDot is a platform where a large number of projects are listed and rated according to criteria such as age, social network verification, code quality, […]