“ชลน่าน” ร่าย 8 ประเด็น “พล.อ.พัลลภ” เข้าใจผิด! ยังเป็นสมาชิก พท. ไม่มีใครปลด

“ชลน่าน” ชี้ “พล.อ.พัลลภ” ยังคงสถานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย เผยชำระค่าสมาชิกแบบตลอดชีพไว้ตั้งแต่ปี 2561 ไม่มีใครมีอำนาจสั่งปลดได้ ห่วงคนไปรายงานทำเข้าใจคลาดเคลื่อน พร้อมเข้าพบเพื่อเชิญร่วมงาน เตือนนักร้อง “ร้องเท็จ” มีความผิดตามกฎหมาย

วันนี้ (4 ม.ค.) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เข้าใจผิดว่ามีการปลดออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และมีผู้นำไปร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบและพิจารณายุบพรรคเพื่อไทย ว่า

1. กรณี พล.อ.พัลลภ อ้างว่าไม่ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย ที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เนื่องจากถูกลบชื่อออกไม่ให้เข้าร่วมนั้น ข้อเท็จจริงคือ การประชุมใหญ่ดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ข้อจำกัดของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งถูกเลื่อนการจัดงานมาและไม่สามารถจัดประชุมในพื้นที่สีแดงเข้มได้ จึงมีการจัดประชุมที่จังหวัดขอนแก่น ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ รวมทั้งเชิญสมาชิกพรรคไปร่วมประชุมก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค ทำให้สามารถเชิญผู้เข้าร่วมประชุมได้เพียง 509 คนเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็น ส.ส. และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด

ขณะที่มีตัวแทนสมาชิกเข้าร่วมประชุมจำนวนน้อยมาก เนื่องจากจะต้องพิจารณาเอาที่เดินทางสะดวกและไม่สุ่มเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 ดังนั้นสมาชิกอาวุโสจำนวนมากจึงไม่ได้มีการเชิญไปร่วมประชุม อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ดังนั้นการที่ พล.อ.พัลลภ ระบุว่า ได้ให้ตัวแทนไปตรวจดูแล้วพบว่าถูกลบชื่อออกจากที่ประชุมนั้นจึงไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะพรรคได้พิจารณาเชิญเฉพาะผู้ที่จะสามารถเข้าร่วมประชุมได้จริงๆ ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ

2. สิ่งที่ พล.อ.พัลลภ กล่าวอ้างว่า ถูกปลดออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย สามารถยืนยันได้ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะ พล.อ.พัลลภ ยังคงเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หมายเลข P103820442 และเป็นสมาชิกแบบตลอดชีพ เพราะได้ชำระค่าบำรุงสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 จำนวน 2,000 บาทเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการบอกว่าถูกปลดจากการเป็นสมาชิกพรรค จึงน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของบุคคลที่ พล.อ.พัลลภ สั่งให้มาดูและได้ไปรายงานท่าน

3. ตามขัอบังคับพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่มีใครสามารถปลดใครออกจากการเป็นสมาชิกได้ นอกเสียจากการทำผิดข้อบังคับหรือคุณสมบัติขัดต่อกฎหมายพรรคการเมือง และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลภายนอกจะมาสั่งการให้ปลดใครออกจากการเป็นสมาชิกพรรคได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เป็นความจริง

4. พรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญของ พล.อ.พัลลภ มาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ในฐานะหัวหน้าพรรคก็ตั้งใจที่จะไปกราบ พล.อ.พัลลภ ด้วยตัวเอง แต่เมื่อปรากฏข่าวออกมาเช่นนี้ก็คิดว่าจะต้องยิ่งไปกราบเพื่อขอให้ พล.อ.พัลลภ เข้ามามีบทบาทต่อพรรค และเพื่อชี้แจงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากผู้ที่ไปรายงานท่านมากกว่า

5. การกล่าวอ้างว่ามีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับตน โดยระบุถึงบุคคลภายนอกมาสั่งการให้ปลดจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น ข้อเท็จจริงทั้งหมดได้ยืนยันแล้วว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการจะไปอ้างถึงคนแดนไกลหรือบุคคลภายนอกมาสั่งปลดจึงไปไม่ได้

6. พล.อ.พัลลภ อ้างว่า ได้ช่วยเหลือดูแลตนมาตลอดนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะในการเลือกตั้ง ปี 2562 ก็ได้รับความเมตตาจากท่าน

7. สำหรับกรณีที่มีผู้ไปร้องต่อ กกต. ด้วยการนำเรื่องทั้งหมดไปอ้างว่าอาจเข้าข่ายการยุบพรรคหรือไม่นั้น ก็ต้องฝากไปถึงผู้ร้องที่มีเจตนาที่จะร้องยุบพรรคเพื่อไทยด้วยว่า กฎหมายพรรคการเมืองหากเกิดกรณีที่มีการร้องเท็จ พรรคเพื่อไทยก็จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนอยู่แล้ว โดยเฉพาะการอ้างถึงการชี้นำจากบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นเจตนาที่จะร้องเท็จ เนื่องจากคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคเพื่อไทย ไม่เคยยินยอมให้บุคคลภายนอกมาสั่งการ และสามารถตรวจสอบได้ว่า กก.บห.พรรคและสมาชิกทำงานอย่างอิสระมาโดยตลอด และเมื่อไม่มีการปลดจากการเป็นสมาชิกพรรค ไม่มีการกระทำใดๆ เกิดขึ้น การจะไปร้องว่ามีการสั่งการให้มีการยุบพรรคจึงเป็นไปไม่ได้

8. ตนยังรักและเคารพ พล.อ.พัลลภ อย่างสูง และตั้งใจที่จะไปกราบพร้อมชี้แจงทำความเข้าใจกับท่านด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อวานได้โทรศัพท์ต่อสายกับท่านเป็นครั้งแรก นับจากวันที่ 15 พฤศจิกายน เป็นต้นมา จึงได้เรียนชี้แจง พร้อมพูดคุยถึงความสำคัญของ พล.อ.พัลลภ ต่อพรรค และจะไปกราบขอให้ท่านเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรค

Next Post

สภาฯ แจงค่าอาหาร ส.ส. วันละ 1.25 ล้านบาท เป็นเฟกนิวส์ ยันตกคนละไม่เกินพัน

สภาฯ แจงค่าอาหาร ส.ส. วันละ 1.25 ล้านบาท เป็นเฟกนิวส์ ยันราคาจริง 475,000 บาทต่อวัน ตกคนละไม่เกินพัน (4 ม.ค. 65) ว่าที่เรือตรี ยุทธนา สำเภาเงิน ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ในฐานะโฆษกประจำสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวชี้แจงกรณีปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีการเบิกจ่ายค่าอาหารของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในว […]