ทอย-จีน่า เปิดใจถึงความรักที่ต้องฝ่ามรสุมกระแสดราม่าต่างๆ มุมมองความรักเหมือนเดิม รักแฮปปี้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
จับมือกันฝ่ากระแสดราม่าถ้อยคำรุนแรงในโซเชียลที่โจมตีต่างๆ นาน ตั้งแต่วันที่เปิดตัวว่าคบกันสำหรับคู่รัก ทอย ปฐมพงศ์ กับ จีน่า เดอะเฟซ ถึงวันนี้เข้าสู่ปีที่ 3 แล้วความรักของทั้งคู่ยังคงแฮปปี้เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือได้เห็นภาพคู่สุดหวานเมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา
ล่าสุดใน รายการแฉ ที่มี มดดำ คชาภา, ดีเจบุ๊คโกะ และ น็อต วรฤทธิ์ เป็นพิธีกร ทั้งสองคนได้ออกมาเปิดใจคู่กันครั้งแรกถึงเรื่องราวของหัวใจความรักที่มีให้แก่กัน เรียกว่ามรสุมต่างๆ ที่ผ่านเข้ามานั้นทำให้ ทอย-จีน่า เข้มแข็งและรักกันมากกว่าเดิมอีกด้วย
โดย ทอย ได้เปิดใจเล่าถึงที่มาของความประทับใจในตัว จีน่า ว่า “ตอนนั้นได้ไปุถ่ายรายการแล้วมือเป็นแผล จีน่าเขาก็มาบอกว่าระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะเดี๋ยวจะติดเชื้อ ตอนนั้นได้เห็นอีกมุมนึงของเขาที่ไม่ใช่แบบเฟียสๆ
จากนั้น จีน่า ก็เล่าเสริมว่า “ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เตือนในฟีลของความเป็นเพื่อนมากกว่า เพราะเพื่อนคนกลางคือเฟยที่สนิทกันเป็นกลุ่มอยู๋แล้วด้วย ไม่ได้ฟีลเป็นห่วงแบบนั้น แต่เป็นอารมณ์เพื่อนจริงๆ
และ ทอย ยังได้เล่าต่ออีกว่าจากนั้นเริ่มสนใจและประทับเพราะมีโอกาสได้เจอกันบ่อยขึ้น จากที่รู้จักว่าเป็นรุ่นพี่ก็มองเขาเปลี่ยนไป
นอกจากนี้ ทอย ยังได้พูดถึงเรื่องราวความรักประเด็นดราม่าที่ผ่านมา “ตอนนั้นเกิดความไม่เข้าใจกันมากกว่า เราย้ำว่าเราโสดแล้วจริงๆ เราแค่จะไปต่อในพาร์ทของเราเท่านั้น
จีน่า เปิดใจถึงประเด็นนี้ว่า “หนูมีแฟนมาแค่คนเดียว ตอนแรกไม่คิดว่าจะเปิดอะไร พยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจแหละค่ะ ไม่ถึงขั้นเสียศูนย์ แต่มีคำถามในหัวอยู่ตลอดว่าทำไมๆ เพราะเป็นเราถึงไม่เข้าใจเหรอ” พร้อมกับเล่าถึงความประทับใจที่ ทอย มาให้กำลังใจถึงหน้าบ้านด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ทอยเป็นคนน่ารักมาก วันที่เป็นข่าวหนักทอยถ่ายละครดึกมากแต่เขาก็มาหาที่หน้าบ้าน มาให้กำลังใจ แล้วบอกว่าเราจับมือกันสิเราไม่ได้ทำนะ”
ปิดท้ายที่ ทอย บอกว่า “เป็นครั้งแรกที่โดนดราม่ารุนแรง และมันเกิดจากสิ่งที่เราไม่ได้ทำ จึงรู้สึกว่าทำไมเราต้องเลิกกันหรือแยกกัน เพราะคอมเมนต์ที่เขาไม่ได้รู้จริงๆ เรารู้สึกว่ามันคือการให้กำลังใจกันและกันครับ”
“มุมมองความรักยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง เราไม่รู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร ณ ปัจจุบันดีมากๆ ทำวันนี้ให้มันดีที่สุด
ด้าน จีน่า “ไม่สามารถบอกได้ว่าคุ้ม เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้อดีของทั้งเราคือเราไม่เคยเอาอนาคตมากดดันกัน เขาทำหน้าที่ของเขาได้ดีมากแล้ว เราก็มาดูเราทำหน้าที่ของเราได้ดีหรือยัง”
