“ทิกเกอร์ อชิระ” หวังเป็นศิลปินเก่งตามรอยพ่อแม่ มุ่งทำตามฝัน ยังไม่สนเรื่องรัก

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ สำหรับศิลปินป้ายแดง ทิกเกอร์-อชิระ เทริโอ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ 2 ศิลปินรุ่นใหญ่ นิโคล เทริโอ กับ แมว-จิระศักดิ์ ปานพุ่ม หลังซุ่มฝึกซ้อมมานานหลายปี เพื่อขึ้นมาเป็นศิลปินตามรอยคุณพ่อคุณแม่ ล่าสุด ทิกเกอร์ ได้เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยว ภายใต้สังกัด G’NEST ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เปิดตัวด้วยซิงเกิลแรก R U OK? ซึ่งเจ้าตัวมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน เพื่อทำให้เพลงแรกในชีวิตออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด

เมื่อ มีโอกาสได้พูดคุยกับ ทิกเกอร์ เลยต้องให้เล่าถึงเบื้องหลังการทำเพลงซิงเกิลแรกของตัวเอง ได้คำแนะนำอะไรจากคุณแม่-คุณพ่อบ้าง รวมทั้งไลฟ์สไตล์และมุมมองเรื่องหัวใจ ของเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ วัย 18 ปี จะเป็นอย่างไรไปฟังกันเลย

ซิงเกิลแรกในชีวิต R U OK? กว่าจะเสร็จสมบูรณ์

“เราก็ค่อยๆ ทำนะครับ นอกเวลาก็ค่อยๆ กลับมาตรวจ เพราะมันเป็นเพลงที่เราได้จากซองแคมป์ ซึ่งมีโปรดิวเซอร์จากฝ่ายยุโรปกับเอเชียมาร่วมทำเพลงกันใช่มั้ยครับ แล้วเราได้เพลงนี้ต้องใช้เวลานิดนึงก่อนที่จะนึกคอนเซ็ปแล้วก็เข้าไปอัดเสียง อัดเพลงแลวก็มีหลายเวอร์ชั่นด้วย ก็ใช้เวลาสักพัก”

ทิกเกอร์มีส่วนร่วมกับซิงเกิลแรกของตัวเอง

“ผมกับพี่ปณต เก็ตสึโนวา เป็นเอ็กเซ็กคลูทีฟโปรดิวเซอร์ แล้วก็ร่วมมือกันเพื่อที่จะทำให้เพลงนี้เป็นทิกเกอร์ให้มากที่สุด สิ่งหนึ่งที่พี่ปณตอยากให้ผมทำก็คืออัดกีตาร์เข้าไป แล้วก็ดีไซน์เสียงประสานร้องประสาน ก็มีการโปรดักชั่นนิดนึงที่ผมก็มีความคิดเห็นใส่เข้าไปครับ”

“สำหรับเนื้อร้องทำนองผมกับพี่ปณตเราช่วยนึกคอนเซ็ปด้วยกันครับ ถามว่าต้องปรับแก้เยอะมั้ยกว่าจะลงตัว ไม่เยอะเลยครับ(หัวเราะ) ผมเสนอไอเดียไปว่าถ้าเรื่องราวของเพลงนี้เกี่ยวกับความรักของสองคน ที่เลิกกันไปแล้ว และอีกคนนึงด้วยความห่วงใยเขาก็ถามว่า R U OK มั้ย แล้วไอเดียที่ผมเสนอก็คือ Because I’m not ok แล้วพี่ปณตก็คิดแป๊บนึงแล้วก็แบบ แล้วถ้าเราเปลี่ยนให้มันเป็น are you ok because I’m ok ซึ่งเป็นการหักมุมเนื้อร้องนิดนึงครับ จากเพลงอกหักมาเป็นเพลงมูฟออน สร้างแรงบันดาลใจให้คนรักตัวเอง มูฟออนได้ ”

เราถูกใจไหมกับเนื้อหาใหม่ของเพลง

“ถูกใจมากๆ ครับ คือตอนพี่ปณตเสนอไอเดียนั้นมา ทันทีตรงนั้นเลยผมก็แบบพี่ปณตลุยครับ มันเป็นของพี่ ผมแฮปปี้มากๆ พอได้ยินไอเดียนั้นขึ้นมา เพราะมันมีความพิเศษเฉพาะนิดนึงครับ”

พ่อแมวสไตล์เพลงเป็นร็อค ทิกเกอร์เป็นสไตล์ไหน

“จริงๆ ผมชอบสไตล์โซลมาก ๆ แต่ตอนนี้ผมอยากหาเวย์ตัวเอง ป๊อบอาร์แอนด์บีมากกว่า เพราะตอนนี้ผมอินป๊อบอาร์แอนด์บีอยู่ครับ”

เราถนัดแนวร็อคแบบคุณพ่อไหม

“จริง ๆ ช่วงที่ผมเรียนกีตาร์แรกๆ ผมก็เรียนร็อคก็มีพื้นฐานนิดนึง แต่จริงๆ ผมชอบความไพเราะ ความเมโลดี้สวยงาม ฟังง่ายๆ ป๊อบ โซลฟูล ผมชอบแบบนั้นมากกว่า เพราะมันสื่อสารอารมณ์ได้ที่แบบจริงใจมากๆ เพราะร็อคคือแบบเย้ๆ แต่เพลงโซลเพลงอาร์แอนด์บีมันเป็นความรู้สึกที่ลึกๆ แล้วผมชอบการสื่อสารอารมณ์ด้วยเพลง”

เหมือนจะคล้ายสไตล์ของคุณแม่มากกว่า

“อื้ม ก็นิดนึงครับ ถามว่าพ่อกับแม่ให้คำปรึกษาอย่างไรบ้าง อ๋อ กับซิงเกิลแรกผมแอบทุกอย่าง รายละเอียดทุกอย่าง จนวันเดบิวต์อยากให้มันเป็นเซอร์ไพรส์ อยากให้เขา What? และเขาเซอร์ไพรส์จริงๆ (หัวเราะ) ไม่เคยปรึกษาเลยถ้าเกี่ยวกับเรื่องเพลง”

“แต่เรื่องการเป็นศิลปินก็มี จริง ๆ คุณพ่อกับคุณแม่เขาจะเล่าประสบการณ์ของเขาว่าเจออะไรมาบ้าง คุณรู้มั้ยว่าคนๆ นี้ที่เข้ามาในชีวิตพ่อกับแม่ก็เพราะว่าเหตุผลนี้นี้นี้ เรื่องราวที่ดีๆ หรืออุปสรรค ผมก็จะใช้ประสบการณ์ของเขามาปรับเป็นอะไรที่ต้องระวัง หรืออะไรที่อยากเจอ อยากออกไปหา”

ประสบการณ์อะไรที่พ่อกับแม่เน้นย้ำให้เราต้องระวัง

“จำไม่ได้แล้วครับ จริง ๆ ไม่ได้เยอะมากนะครับ หลักๆ เขาก็จะเล่าถึงระวังตอนอยู่บนเวทีอย่าลืมเนื้อ ต้องตั้งสติต้องโฟกัสให้มาก ๆ แล้วก็รับความรักจากคนดูแล้วก็ส่งกลับไป แบบนั้นนะครับ อย่าเครียดตอนอยู่บนเวที ต้องเอ็นจอยต้องปล่อยครับ”

เริ่มฝึกเล่นกีตาร์มาตั้งแต่ตอนไหน

“ตั้งแต่ผมอายุ 11 ขวบ ก่อนหน้านั้นผมไม่ได้แตะกีตาร์เลย ไม่เคยเล่นเลยครับ แล้วก็คุณแม่ถามว่าเดี๋ยวเราจะมีโชว์ที่เชียงใหม่นะ อยากลองเล่นกีตาร์มั้ย เพราะเดี๋ยวคุณแม่จะร้องและทิกเกอร์เล่นกีตาร์ ผมก็โอเค ก็ได้ครับแม่(หัวเราะ) ผมก็ลองไปฝึกไปหาครู แล้วก็เรียนกีตาร์ช่วงแรกๆ ก็ยังไม่อิน แตก็อยากเรียนรู้ให้มากขึ้น อยากเก่ง ไม่อยากให้คนคิดว่าเด็กคนนี้เล่นไม่ได้หรืออะไร ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในความคิดผมตอนนั้น ผมฝึกเยอะมาก ๆ โดยที่ไม่อิน

“ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอนคิดในปัจจุบัน ถ้าผมคิดถึงโมเมนต์นั้นมันแปลกนิดนึง เพราะตอนนี้ผมอินมาก ๆ แล้วผมอยากจะซ้อม แต่เมื่อก่อนคือแบบอยากจะเก่ง แต่มีวันนึงที่ผมเล่นอยู่คนเดียว แล้วผมก็ตีคอร์ดเองและเรียงโครงสร้างเพลงเอง อันนั้นเป็นโมเมนต์ที่ผม โอ้ มันอย่างงี้นี่เอง โอเค มันสนุกแบบนี้ได้ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนมีความอิสระในการสื่อสารอารมณ์ได้ โดยไม่ใช่คำพูด ถ้านึกคำพูดไม่ออกก็ทำด้วยเสียงคอร์ดหรือเมโลดี้ต่างๆ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะทำได้อย่างนั้น”

เพลงแรกที่ใช้ฝึกกีตาร์

“เปรี้ยวใจ ครับ เพลงของแม่ครับ พอเล่นเป็นก็อินมากขึ้น ไม่ถึงว่าไม่ชอบแต่แค่แบบไม่อิน ไม่ได้อินขนาดนั้น แต่จริง ๆ ก็เล่นได้และภูมิใจในตัวเองเพราะเล่นเพลงนี้ได้ เพราะช่วงนั้นผมก็คิดว่า เพลงไหนก็ช่างมัน มันจะยากมากเพราะผมไม่เคยเล่นกีตาร์มาก่อน ก็ภูมิใจในตัวเอง(หัวเราะ)”

ตอนนี้หลงรักการเล่นดนตรีแล้ว

“หลงรักกับดนตรีในทุกแบบมากๆ ครับ คุณพ่อก็เอาหนังสื่อที่ใช้เรียนแจ๊ส ทฤษฎีแจ๊ส ทฤษฎีนอกโลก ทฤษฎีเอเลียนมาให้อ่าน คืออ่านทีไรมันไม่เข้าใจอะไรเลย ผมไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะมันเป็นทฤษฎีที่ลึกมากๆ ทฤษฎีแจ๊สล้วนๆ แต่มันเป็นสิ่งที่ช่วยผมมากๆ ด้วยการเรียนสเกลของคอร์ด ไม่รู้ครับ ถ้าพูดถึงทฤษฎีมันจะน่าเบื่อนิดนึง สำหรับผมมันสนุกๆ ครับ”

เคยดวลโซโลกีตาร์กับคุณพ่อไหม

“ไม่เคยครับ ไม่กล้า(หัวเราะ) ไม่กล้าโซโลกับพ่อครับ ก็ต้องมีแต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมครับ อายๆ ขอฝึกก่อน ถามว่านอกจากพ่อกับแม่ยังมีใครเป็นไอดอลอีกมั้ย ส่วนใหญ่จะดูคอนเสิร์ตของศิลปินที่ฟังอยู่ เป็นแรงบันดาลใจว่าถ้าผมขึ้นเวทีผมจะแสดงแบบไหน จริงๆ การเป็นศิลปินและการหาตัวตน มันมีส่วนหนึ่งที่คือการแบบศึกษาและซึมซับศิลปินหลายคน และเพลงหลายเพลงเพื่อที่จะหาซาวด์ของตัวเอง และหาตันตนให้ได้”

ด้านการแสดงและศิลปินนักร้องมีใครเป็นไอดอล

“การแสดง  เจค จิลเลนฮาล คนที่ตาโตที่อยู่ในสไปเดอร์แมน ผมชอบเขามากๆ ครับ ตอนไปนิวยอร์กผมได้ดูเขาบนบรอดเวย์ ดีมากๆ ด้านดนตรี จอห์น เมเยอร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญใช้คำอธิบายไม่ได้ต้องดูวิธีเล่นของเขา ซาวด์ของเขา ถามว่าผมได้ดูเขาตั้งแต่ตอนไหน ไม่รู้เหมือนกันครับ(หัวเราะ) เหมือนมีวันนึงผมอยู่ในรถแล้วนึกออกว่ามี จอห์น เมเยอร์ ลองฟังดูก็ได้ แล้วผมก็กดไปฟังแล้วก็ โอ้ มาย กอด ฟังวิธีการเล่นกีตาร์ของเขา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ชอบเลยครับ อัลบั้มแรกคือเป็นอัลบั้มที่ผมรักมากๆ มีแผ่นเสียงทุกอัลบั้มของจอห์น เมเยอร์ ครับ”

สำหรับทิกเกอร์การเป็นนักแสดงและนักร้อง ยากง่ายต่างกันอย่างไร

“การแสดงเป็นการเล่นเป็นตัวละคร ต้องตามบท ตามสคริป มันไม่ใช่ตัวตน แต่สำหรับผมการแสดงมันน่าจะง่ายกว่านิดนึง เพราะว่าผมมีแอบกังวลว่า ใครจะคิดถึงผมยังไง เห็นว่าผมเป็นคนแบบไหนถ้าโชว์ตัวตนให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และการเป็นศิลปินก็คือการโชว์ตัวตน แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมให้ทั้งหมดที่ผมมีแก่ทุกคนครับ แบบนั้นอะครับ อันนั้นเป็นความแตกต่าง อันนี้เป็นตัวตนนะ อันนี้เป็นการเล่นคาแรคเตอร์ สำหรับผมนะครับ”

ได้ลองทำทั้งสองอย่างแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

“จริงๆ ผมชอบทั้งสองมากๆ นะครับ แต่ผมอยากฝึกการแสดงให้เก่งกว่านี้ เพราะผมเซ็ตมาตรฐานตัวเองค่อนข้างสูง ผมอยากเป็นนักแสดงที่ดี อยากแสดงให้เก่ง ผมอยากเรียนการแสดงให้มากกว่านี้ ก่อนที่จะพร้อมแสดงจริงๆ อะครับ ด้านศิลปินก็ไม่ทิ้งอยู่แล้ว ผมคิดว่าเส้นทางของชีวิตมันจะมาทางนี้อยู่แล้ว”

ถ้าไม่ได้ทำงาน ไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันของทิกเกอร์

“ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ผมก็จะทำเพลง(หัวเราะ) ผมก็จะอยู่ในริทึ่มสตูดิโอ ผมจะนั่งอยู่หน้าจอแล้วอัดเพลงทุกวัน แม้จะเป็นไอเดียเล็กๆ หรือมีเพลงที่ผมทดลอง ผมก็จะทำทุกวันตลอดเวลา”

มีเวลาไปใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นไหม

“ไม่ค่อยครับ ไม่ค่อยจริงๆ ส่วนใหญ่ผมจะออกไปกินข้าวกับเพื่อนมากกว่า ไม่ค่อยออกไปเที่ยวเท่าไหร่ ถ้าเพื่อนชวนกินข้าวผมก็จะโอเค จริงๆ อยากทำเพลงแต่ก็ออกไปกินข้าวก็ได้”

บางคนมองว่าทำงานตั้งตาเด็กสูญเสียชีวิตวัยรุ่น

“จริงๆ ผมแฮปปี้ครับ ตอนนี้ผมแฮปปี้มากๆ 3-4 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ผมแฮปปี้ที่สุดก็เลยไม่เสียดายอะไร อันนี้ผมแฮปปี้ที่ได้เลือกใช้ชีวิตแบบนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมรักจริงๆ และผมแฮปปี้กับการทำเพลงอยู่แล้ว เหมือนมันเป็นการฝึกอีกแบบนึง และผมแฮปปี้ที่จะฝึกเพราะในอนาคตถ้าผมเป็นศิลปินที่เก่งมากๆ มันคุ้มมากๆ ครับ ผมอยากฝึกให้เป็นนักดนตรี ศิลปิน ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเป็นได้”

สาวๆ จะเข้ามายังไงเราไม่มีชีวิตวัยรุ่นเลย

“ช่วงนี้ผมมัวแต่เทรน จริงๆ ตอนนี้ผมเริ่มทำงานแล้ว แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาผมเทรนตลอด วิธีที่ผมคิด มันจะไม่แฟร์สำหรับคนอื่น ถ้ามีคนเข้ามาในชีวิตผมหรือแบบมีคนคุยหรืออะไรแบบนั้น มันอาจจะไม่แฟร์สำหรับเขาเพราะผมไม่มีเวลาเพื่อที่จะไปดูแล และก็คุยเทคแคร์หรืออะไรแบบนั้น เพราะอันนี้ก็ใช้ทั้งชีวิตของผม การเป็นศิลปิน การฝึกเครื่องดนตรีทุกชิ้นมันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ มันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำด้วย แต่ถ้าผมอยากเป็นศิลปินที่เก่งที่ดีเท่าที่ผมเป้นได้ ผมก็เลยรู้สึกว่ามันจะไม่แฟร์สำหรับคนอื่น ถ้ามามีความสัมพันธ์กันอะครับ”

ที่ผ่านมาเคยมีคนเข้ามาแล้วเราต้องปฏิเสธเขา ด้วยเหตุผลไม่มีเวลาไหม

“โอ้ จริงๆ อันนี้ไม่มีครับ อันนี้แค่คิดในช่วงเทรนผมก็คิดอยู่แบบนี้ แต่เมื่อก่อนก็มีป๊อบปี้เลิฟแต่อันนี้ตอนอยู่โรงเรียน แค่เป็นป๊อบปี้เลิฟ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ความรักในมุมมองของผม ความรักเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ผมต้องแบ่งเวลาให้ดีๆ ผมต้องจัดการชีวิตตัวเองก่อน ต้องโฟกัสที่งานก่อน ก่อนที่ไปเข้าในโลกความรักแบบจริงจัง ตอนนี้ผมอยากโฟกัสเอาผลงานที่ดีที่สุดให้ทุกคน ให้ทุกคนแฮปปี้กับผลงาน และให้ทุกคนเห็นคุณภาพของที่ที่ผมอยากได้ และก็ของค่ายจีเนส”

อายุ 18 ปี จากนี้วางแผนชีวิตตัวเองไว้อย่างไรบ้าง

“หลักๆ ผมตื่นเต้นที่จะเป็นศิลปินมากๆ ครับ ผมตื่นเต้นที่จะไปเล่นที่คอนเสิร์ต  ไปเจอแฟนคลับ หรือเข้าสตูดิโอ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเป็นศิลปินผมพร้อมที่จะรับ และพร้อมที่จะทำเพราะผมตื่นเต้นมากๆ และพร้อมมากๆ ผมจะพยายามทำให้เต็มที่ ให้นานที่สุด แต่ในอนาคตก็อยากมีโปรเจ็กต์อื่นๆ บ้าง มันเป็นแพสชั่นโปรเจ็กต์ อยากเป็นผู้กำกับ หรือ อยากเป็นโปรดิวเซอร์ อันนั้นต้องรอก่อน เพราะตอนนี้ผมอยากเป็นศิลปินมากกว่า อยากเอาผลงานที่ดีๆ ให้ทุกคน”

“จริงๆ ผมไม่ได้คิดถึงการมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ ผมจะคิดถึงการทำโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจ ที่แบบแปลกใหม่นิดนึง อยากทำโปรเจ็กต์ที่น่าทดลอง น่าลองทำ และคนอาจจะไม่ค่อยเห็น ไม่เคยเห็นมาก่อนหรืออะไรแบบนั้น ผมไม่รู้ว่าจะทำอะไรแต่อยากทำอะไรที่แปลกใหม่”

ฝากซิงเกิลแรกในชีวิต R U OK?

“ฝากเอ็มวี R U OK? ด้วยนะครับ ดูได้ที่ช่องยูทูบ gnest_official และฟังได้ที่สตรีมิ่งแพตฟอร์มทุกอันเลยครับ และก็ฝากติดตมช่องทางโซเชียลของผมทั้งหมด @tiggertheriault และไอจีส่วนตัว @tiggerachira ครับผม ขอบคุณมากครับ”

Next Post

Fujitsu and Ochanomizu University establish new AI ethics research lab, leveraging AI technologies to promote gender equality

TOKYO, Mar 17, 2023 – (JCN Newswire via SEAPRWire.com) – Fujitsu and Ochanomizu University today announced the establishment of the “Fujitsu-Ochanomizu University Social Collaboration Program for AI Ethics”, a new joint research laboratory to develop AI solutions contributing […]