นายกฯ กล่าวปาฐกถา เสียงดุฉุนเฉียว-เตะสายไมค์หลายครั้ง ย้ำ ลุงไม่ใช่คนเผด็จการ

นายกฯ กล่าวปาฐกถา มีน้ำเสียงฉุนเฉียว เตะสายไมค์หลายครั้ง พร้อมย้ำ ลุงไม่ใช่คนใจร้าย ไม่ใช่คนเผด็จการ 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “จับมือ รวมใจ พาไทยรอด” ในการสัมมนาหอการค้าไทย ทั่วประเทศว่ามาตรการการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมีปัญหาหลายอย่างแต่ปัญหาเป็นพื้นฐานมาโดยตลอดคือความยากจน อุทกภัยน้ำท่วมหนี้สินครัวเรือนความเหลื่อมล้ำความไม่เป็นธรรม ที่มีขึ้นมาว่าไม่ใช่ว่าตนต้องการยึดครองอำนาจทุกอย่างให้เดินหน้าไป 20 ปี โดยที่ยังอยู่ ทุกคนทุกวันตื่นขึ้นมารู้หรือไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรวันนี้จะอยู่วันนี้จะตาย วันนี้จะเกิด ตื่นมาแล้วเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้แต่ที่รู้คือจะวางอนาคตให้คนข้างหน้าอย่างไร นี่คือสิ่งที่ตนคิด

เพราะฉะนั้นใน 6 ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนปฏิรูปประเทศ ถ้าต่างคนต่างทำก็เป็นอยู่แบบเดิมที่เรียกว่าทำงานแบบไซโล ตนไม่ต้องการให้เกิดการทำงานแบบนั้น ทุกกระทรวงปรึกษาตนได้ และสามารถติดต่อกันได้ทุกกระทรวง เช่นการแก้ไขปัญหาสนามบินทั้งประเทศ ซึ่งติดต่อกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าแผนเป็นอย่างไร หน้าที่ของนายกรัฐมนตรี เป็นอย่างนี้คือต้องลงรายละเอียดบ้างแต่ไม่ต้องก้าวล่วงอำนาจของรัฐมนตรีหรือรองรัฐมนตรีต้องให้เกียรติกันในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมงาน ด้วยความหวังดีเช่นเดียวกับกทม.แม้ว่าจะเป็นการปกครองแบบพิเศษแต่ก็คุยได้ในทางสร้างสรรค์

ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถา มีน้ำเสียงที่ดุดัน ค่อนข้างมีอารมณ์ฉุนเฉียว และหงุดหงิด จนเตะสายไมค์หลายครั้ง นายกรัฐมนตรี จึงพูดว่า อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ ทุกอย่างอยู่ในศีรษะของตัวเองมาตลอด 7 ปี หากขัดกันไปขัดกันมาก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เราต้องเดินหน้าอย่างเป็นตามงบประมาณประมาณ?ตราบใดที่เรายังหาเงินได้ไม่มาก พร้อมหาคน ที่มีความสามารถเข้ามาแต่เราทำไม่ได้เพราะเกิดความไม่เข้าใจ หากต่างประเทศเข้ามา ก็บอกว่ามาแย่งงานไทยอีก ดังนั้น จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจกัน

“ตอนที่ตนสั่งทหารให้ปลูกผักชี ซึ่งพูดไม่ครบผัก เพื่อไม่ให้คนซื้อของแพง ปลูกไปแจก จะได้เงินสักเท่าไหร่ สั่งให้ปลูกในค่ายทหารเพราะมีพื้นที่ ใครลำบากก็มาซื้อที่ทหาร แต่ไม่ได้ไปขายแข่งกันกับใคร ส่วนเรื่องการสั่งให้นำรถทหารมาช่วยเรื่องการขนส่งก็เช่นกัน หากมีปัญหา เขาขอให้ช่วย และไม่ได้เปิดการขนส่งแข่งกับใคร จึงขออย่าไปเชื่อในคำบิดเบื่อน ถ้าเดือดร้อนขึ้นมาถ้าไม่มีรถวิ่งเลยทำอย่างไร ก็แบกกระสอบเดิน ตนพูดไม่ใช่ว่าต้องการให้เป็นอย่างนั้น เพราะถูกบิดเบือนไปเยอะแยะ”

ในช่วงสุดท้ายนายกรัฐมนตรี ได้มีการสอบถามว่ามีใครจะถามอะไรตนหรือไม่ พร้อมกับระบุว่า “ลุงไม่ใช่คนใจร้าย ไม่ใช่คนเผด็จการ ฟังทุกวันแต่ไม่รู้จะทำได้แค่ไหน”

Next Post

“ยุทธพงศ์” ชี้ สภาคว่ำร่างแก้ รธน.เป็นไปตามคาด

“ยุทธพงศ์” ชี้ สภาคว่ำร่างแก้รธน.เป็นไปตามคาด ขอปชช.อย่าเพิ่งยกเลิกคิดแก้รธน. เชื่อแก้มาตรา 256 ตั้ง ส.ส.ร.สามารถผ่านได้ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงผลการลงมติร่างรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชนที่ผ่านมา ว่า ก็เป็นไปตามคาดหมายที่ร่างแก […]