นายกฯ เกาะติดเหตุไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว สดุดีผู้เสียชีวิต สั่งทุกหน่วยงานเข้าดูแล

“บิ๊กตู่” โพสต์ ยังติดตามสถานการณ์เหตุ #โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ อย่างต่อเนื่อง พร้อมสดุดีผู้เสียชีวิต สั่งทุกหน่วยงานช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับผลกระทบเต็มที่

วันนี้ (5 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า จากกรณีเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ ซ.กิ่งแก้ว 21 จนมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเสียชีวิต 1 นาย และผู้มีบาดเจ็บจำนวนมาก

ผมขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต คือนายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ และขอสดุดีวีรกรรมของอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ทุกท่านในการเสี่ยงอันตรายเพื่อป้องกันภัยให้กับผู้อื่นในอุบัติเหตุครั้งนี้

ผมได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ระดมกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์และช่วยเหลือประชาชนและผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ และรายงานสถานการณ์ให้ผมทราบอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้เฮลิคอปเตอร์โปรยโฟมดับเพลิงจากทางอากาศนำ แล้วตามด้วยการระดมฉีดพ่นโฟมดับเพลิงทางภาคพื้นดิน

โดยในขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีพื้นที่มีมีเพลิงลุกไหม้เป็นบ่อรวม 2 จุด และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัดแล้ว 1 จุด และคาดว่าหากเป็นไปตามแผน จะสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ในอีกไม่นาน

ในขณะนี้ ได้มีการอพยพประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงอันตรายไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่จัดไว้อย่างน้อย 8 แห่ง จำนวนรวมมากกว่า 1,800 คนแล้ว และมีการส่งผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วย รวมทั้งผู้ติดเชื้อโควิด หรือผู้กักตัว ต่อไปยังโรงพยาบาลต่างๆ

โดยผมได้รับรายงานว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับกองทัพบก ได้นำอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต 10 นาย พร้อมด้วยรถดับเพลิงชนิดหอน้ำ 1 คัน รถขนย้ายผู้ประสบภัย 1 คน รถดับเพลิงขนาด 10,000 ลิตร 4 คัน รถดับเพลิงพร้อมโฟม 4 คัน รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว 3 คัน ยานยนต์ดับเพลิง LUF 120 จำนวน 1 คัน และ LUF 60 อีก 4 คัน รถไฟฟ้า 200 KVA 2 คัน โฟมเคมี 12,000 คัน เข้าปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้

นอกจากนั้น ยังมีหน่วยงานอื่นๆที่เข้ามาสนับสนุนภารกิจอย่างเต็มที่ ดังนี้

– สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร สนับสนุนยานยนต์ดับเพลิง 3 คัน รถกู้ภัยสารเคมีและวัตถุอันตราย 4 คัน รถดับเพลิงและกู้ภัย 38 คัน โฟมดับเพลิง 6,000 ลิตร

– กองบัญชาการกองทัพไทย สนับสนุนรถเคมีโฟม 6,000 ลิตร 1 คัน รถบรรทุกน้ำ 4,000 ลิตร 2 คัน และเครื่องตรวจวัดสารเคมี 2 ชุด

– กองทัพบก สนับสนนโฟมเคมี 20,000 ลิตร พร้อมกำลังพล

– มูลนิธิร่วมกตัญญู สนับสนุนเจ้าหน้าที่ 60 นาย รถยนต์ 30 คัน

– จิตอาสา 904 สนับสนุนเจ้าหน้าที่ 30 นาย

– บริษัท ปตท. สนับสนุนเจ้าหน้าที่พร้อมโฟมเคมี 3,000 ลิตร คลังน้ำมัน P.S.P. สนับสนุนเจ้าหน้าที่พร้อมโฟมเคมี 3,000 ลิตร และคลังน้ำมันบางจาก สนับสนุนโฟมเคมี 20,000 ลิตร

– หน่วยงานกู้ภัยอื่นๆ ร่วมสนับสนุนรถดับเพลิง 30 คัน

นอกจากนี้ ผมได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการดูแลและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้อย่างเต็มที่ ทั้งการหาที่พักชั่วคราว อาหาร รวมไปถึงการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น

โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้การเคหะแห่งชาติเตรียมจัดหาที่พักในรูปแบบโรงแรมทางเลือกไว้ให้ ทั้งรูปแบบราคาถูก และไม่มีค่าใช้จ่าย หากท่านใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสายด่วน พม. 1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่เบอร์ 065-9513465 หรือสายด่วนนิรภัย 1784

ผมยังคงติดตามสถานการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง และขอให้กำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่กำลังดำเนินภารกิจเสี่ยงภัยนี้ให้สำเร็จลุล่วง คืนกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคนครับ

Next Post

สภายุค คสช. แก้กฎหมายโรงงาน ไม่ต้องขอต่อใบอนุญาตทุก 5 ปี เอื้อเว้นตรวจสอบ

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มาจากการแต่งตั้งทั้งหมดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แก้กฎหมายโรงงานเมื่อปี 2562 ให้ยกเลิกมาตรา 14 และ 15 ในกฎหมายดังกล่าว ที่บังคับให้มีการขอใบอนุญาตใหม่ทุก 5 ปีเพื่อตรวจสอบคุณภาพโรงงาน  “ให้ยกเลิกมาตรา 14 และมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535” มาตร […]