“วิทวัจน์” เผยขาดทุนยับ! กัดฟันฝ่าวิกฤตทีวียุคใหม่ “ชมพู่-เป็กกี้” ขอบคุณที่ให้โอกาส

แขกรับเชิญวันนี้ยังคงอยู่กับพิธีกรแถวหน้าของเมืองไทย วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ ที่จะมาย้อนเล่าจุดเริ่มต้นกว่าจะเป็นรายการวาไรตี้ทอล์กโชว์ชื่อดังอย่าง ตี10 ที่ปั้นดารามาประดับวงการบันเทิงมาแล้วนับไม่ถ้วนในช่วงดันดารา พร้อมเล่าเหตุการณ์ฟ้าผ่าการฝ่าวิกฤตยุคเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิตอล เผยคิดวางมือทุกวันเหตุคงหมดยุคของตัวเองแล้ว ด้านชมพู่-เป็กกี้ เผยความในใจ มีวันนี้เพราะผู้ชายชื่อ วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ Show Special ทางช่องone31 ที่มี ชมพู่ ธัณย์สิตา และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร

หลังจากรายากรที่ช่อง 9 มาเป็นอะไรต่อ ?

วิทวัจน์ : 4 ทุ่มสแควร์ 

มาเป็น 4 ทุ่มสแควร์ ได้ยังไง ?

วิทวัจน์ : ตอนนั้นเกิดจากว่าเราหมดมุกอีกแล้ว ไม่รู้จะยังไงดี เริ่มรายการใหม่ดีกว่า ลาออกจากบริษัทเดิม มันไม่มตัวอย่างให้ดูในประเทศไทย เราทำด้วยการครีเอทมาจากความรู้สึกและครีเอทีฟไอเดียของเราล้วนๆ แต่ตอนนั้นจำได้ว่ามีเรื่องที่น่าสนใจในต่างประเทศก็คือโอมวีดีโอคนเค้าก็ซื้อกล้องมาถ่ายรูปถ่ายเด็ก ถ่ายภรรยา เอาลูกมาแกล้งบีบมานาวให้ลูกกิน ลูกขวบนึงกินแล้วก็เปรี้ยว น่ารัก ถ้าเราเอามาออกส่วนหนึ่งของรายการเราน่าสนใจจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ 4ทุ่มสแควร์ นอกจากสัมภาษณ์ก็มีโฮมวีดีโอเป็นพระเอกเลย คนชอบดูน่ารักมาก 

คุณอาถือว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการทอล์กโชว์ เรตติ้งดีมาก 4 ทุ่มสแควร์ยืนระยะมากี่ปี ?

วิทวัจน์ : 7 ปี 7 เดือน ตอนนั้นพิธีกรมี ตุ๊ก ดวงตา กับ เด๋อ ดอกสะเดา 

แล้วเกิดอะไรขึ้น คุณอาอย่าบอกนะว่าหมดมุก ?

วิทวัจน์ : หมดมุกอีกแล้ว แม้ว่าครีเอทีฟไอเดียจะขุดมาจากอากาศธาตุก็เหอะ บางทีที่เค้าเรียกว่าจนด้วยเกล้าก็คิดไม่ออก หมดมุกอีก 

ทิ้งระยะนานมั้ยกว่าจะเกิดรายการใหม่อีกหนึ่งรายการที่โด่งดังมากๆเช่นกัน ?

วิทวัจน์ : หลังจากเลิก 4ทุ่มสแควร์กะไปพักยาวเลยหอบลูกกับเมียไปออสเตรเลีย ตั้งใจจะไปอยู่ระยะยาวๆซักระยะหนึ่ง มีอยู่วันนึงนั่งดูรายการทีวีอยู่ที่ออสเตรเลียมันมีรายการนึงชื่อรายการเรียลทีวี โฮมวีดีโอจะน่ารักๆ แต่อันนี้ดูแล้วมันมีภาพๆนึง เค้าบอกว่าเกิดเหตุการณ์ณ์ที่มีเด็กวัยรุ่นขโมยรถถังจากกองทัพบกของอเมริกาเอามาขับเล่นอยู่กลางถนนในลอสแอนเจอลิสกลาง LA รถถังคันนี้มีเด็กอายุประมาณ 16 อยู่ข้างในมันเอามาขับเล่น เค้าก็กลัวกันว่าจะยิงปืนใหญ่เป็น สนุกมาก นั่งดูอยู่ที่บ้านเพื่อน พอกลับมาเมืองไทย พี่อ้วน อรชร ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ บอกว่านายอยากคุยด้วย นายประวิทย์ มาลีนนท์ ตอนนั้นตบเข่าเลยได้งานแล้ว แล้วก็จริงตามที่คาดคุยไปคุยมาก็ชวนมาทำรายการ 

และรายการที่ได้มาชื่อรายการตี 10 ?

วิทวัจน์ : ใช่ ก็นี่แหละ ตี10 

รายการที่อยู่ในใจใครหลายๆคน เราก็ชอบด้วย เพราะเราก็เกิดจากที่นี่เหมือนกัน แล้วที่คุณอาออกไอเดียตี 10 มันเป็นแบบไหน ?

วิทวัจน์ : คุณประวิทย์ครับคิดว่าจะพร้อมได้เมื่อไหร่ ไม่ทราบ 3เดือน – 4เดือน แล้วแต่ว่าฉากเราจะได้ภายในกี่เดือนแล้วก็คอนเซ็ปต์อื่นๆใดๆ  อีกเรื่องนึงคุณประวิทย์ครับผมอยากได้รายการนึงชื่อรายการเรียลทีวี ผมเอา End Title ให้ดูว่าผลิตโดยบริษัทอะไร ผมไม่มีศักยภาพในการติดต่อถ้าไปโดย Channel3  Thailand เค้าจะติดต่อได้ง่าย คุณประวิทย์ก็ติดต่อเลยจะขอซื้อรายการชื่อเรียลทีวี ขอซื้อยากมาก ผ่านไป 1เดือนก็แล้ว 2 เดือนก็แล้ว ฝ่ายจัดซื้อก็ยังจัดซื้อไม่ได้ เราก็บอกว่าถ้ายังไม่มีผมขอเลื่อนจนกว่าจะซื้อได้ มันซื้อได้ใช่มั้ยครับ เค้าบอกว่าซื้อได้แต่ยังไม่ตอบมาซักที หลังจากตอบแล้วก็ต้องมีส่งฟุตเทจมาให้เรามีเซ็นสัญญา 

กว่าจะได้เรียลทีวีมาใช้เวลาทั้งหมด ?

วิทวัจน์ :  7 เดือน ก็รอไม่งั้นไม่ขึ้นรายการ 

สุดท้ายก็ได้เรียลทีวีมาจึงเกิดเป็น ตี10 เรตติ้งดีมาก ?

วิทวัจน์ : เรียลทีวีตอนนั้นอาจะเป็นคนพากย์เอามาเรียลเรียงใหม่แล้วก็พากย์ให้เป็นไทยๆใหม่ แต่เรียลทีวีถ้าตอยสุดท้ายมีการตายเค้าจะตัดทิ้ง เค้าจะเอาแต่เรื่องที่ไม่มีความตาย ในที่สุดมันก็มีคำว่า “เดชะบุญ” อาเป็นคนพากย์ “แต่เดชะบุญผู้ชายคนนี้ไม่เป็นอะไรหลังจากรักษาตัวอยู่ 2 เดือนก็ออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ” โน้ส อุดม เอาเรื่องนี้ไปแซวบนเวทีเป็นเรื่องเป็นราว อายมาก(ยิ้ม) เอาเรียลทีวีไปแซวรู้สึกจะเดี่ยว 4 

นอกจากรายการของคุณอาดังแล้วศึกชิงเรตติ้งก็เกิดขึ้น เพราะเค้ามีอีกหนึ่งรายการเหมือนกันที่เป็นเกมส์โชว์มีเรตติ้งเหมือนกันแล้วเค้าก็จับมาชนกันในยุคนั้น เป็นยังไงความเข้มข้นที่เกิดขึ้น ?

วิทวัจน์ : ตอนนั้นเครียดมาก หนักหนาสาหัสมาก ตอนนั้นการวัดด้วยเรตติ้งจุดต่อจุดเลย ถ้าแข่งขันวิ่งคือวินาทีต่อวินาทีแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องทำไป 

ย้อนบรรยากาศตี 10 หน่อยตอนนั้นมีกี่ช่วง ?

วิทวัจน์ : มีทอล์กโชว์, เรียลทีวี, มีช่วงคล้ายๆ ดันดารา มีร้องเพลง 

สุดท้ายก็มีช่วงดันดารามาเพิ่ม ที่ทำให้คนรู้สึกว่าช่วงนี้แหละที่ทำให้คนรอดูความสามารถจากคนทางบ้าน ต้องยอมรับว่าดันดาราปั้นคนมาประดับคนบันเทิงเยอะมาก หนึ่งในนั้นก็มีเป็กด้วย แล้วคอมเม้นท์เตเตอร์ภาพจำเลย อาโน๊ต, ครูอ้วน, อาจารย์เชน จุดเริ่มต้นดันดารามายังไง ?

วิทวัจน์ : ตอนนั้นเรามีความรู้สึกว่าบ้านเรารายการที่เรียกว่า Talent Quest ก็คือคนทางบ้านมาแข่งขันความสามารถกันมันไม่มีเลย เราเชิญคนทางบ้านมาแสดงในรายการดีกว่า มีแต่คนสมัครเข้ามาร้องเพลง ตอนนั้นเราต้องการอื่นๆใดๆ แปลกๆ จะทำต่อดีมั้ยเนี่ย มีแต่คนร้องเพลง ทีมงานบอกว่าเอาคนร้องเพลงเนี่ยแหละ เพราะตอนนี้คนร้องเพลงเก่งๆเยอะมาก ไปดูตามคาราโอเกะซิ ก็เอาเลยรับคนร้องเพลงเข้ามาดันทุรังเลิกเพราะว่าคนร้องเพลงเยอะมาก เสียงดีๆทั้งนั้นเลย หนึ่งในนั้นคือคนนี้ (ผายมือทางเป็กกี้) 

ตอนเป็กกี้มาพู่ยังไม่มาเนอะ แล้วคนมาชวนคุณจำได้มั้ย ?

เป็กกี้ : ตอนนั้นคุณอาให้โอกาสหลายครั้ง ถือว่าแจ้งเกิดกันเยอะมากคุณอา มีดาราหลายๆคนแจ้งเกิดในรายการของคุณอาด้วย คุณอาพอจำได้มั้ยว่ามีใครบ้าง ?

วิทวัจน์ : อี๊ด โปงลางสะออน สุดยอดการแจ้งเกิดในดันดารา แล้วอี๊ดก็ไปโด่งดังสร้างชื่อเสียงมากมาย เป็กกี้ ศรีธัญญาอีกคนนึง แล้วก็มียายแหวว ท๊อฟฟี่ สามบาทห้าสิบ ก๊อปปี้โชว์ทั้งหลาย

เป็กกี้ :  และอีกคนที่เป็นซูเปอร์สตาร์สายดีว่าของประเทศไทย เป็นสตาร์อยู่ทุกวันนี้คือคุณแก้ม วิชญาณี น้องสาวด้วย

ชมพ่ : ในรายการนี้พู่ภูมิใจนะได้รับเกียรติให้เป็นพิธีกรในช่วงนึงด้วย ตอนนั้นโทรบอก “คุณอาหนูได้โฆษณาอีกแล้วนะ คุณอาหนูซื้อบ้านแล้วนะ”

เป็กกี้ :  มีอีกคนนึง นนท์ ธนนท์ ทุกคนเคยมารายการตี 10 ทั้งหมดเลย 

ตี 10 ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดการรายการคอมเมนต์มั้ย ถือว่าเป็นรายการแรกที่มีคอมเมนเตเตอร์ ทำให้ประเทศไทยรู้จักว่าคอมเมนเตเตอร์คืออะไร ?

วิทวัจน์ : ใช่ครับ ได้รับอินสไปร์เรชั่นมาจากรายการของประเทศออสเตรเลียชื่อรายการ New Faces รายการนี้อยู่ในความทรงจำของอาอยู่ตลอดเวลาเพราะว่าชอบมากแล้วก็มีคอมเมนเตเตอร์แบบนี้แล้วก็ให้รางวัลฟีลนี้เลย อินสไปร์มาจากรายการนั้น 

มียุคนึงที่เหมือนฟ้าผ่า ยุคเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิตอลมันยากลำบากเป็นยังไงบ้าง ?

วิทวัจน์ : ยากมาก เมื่อก่อนมันก็แค่ 3 5 7 9 11 ตอนนี้มันมีเป็น 20 30 ช่อง คนดูก็ย้ายจากพฤติกรรมในการดูทีวีจอใหญ่อุตส่าห์ไปซื้อมา 60 นิ้ว แล้วในที่สุดก็มาดู 4นิ้วครึ่ง เราคนผลิตก็ตาย คนดูถูกแย่งเงินโฆษณาถูกแชร์ เงินโฆษณาก็หายไป ตอนนี้ก็ต้องเข้าไปอยู่ในโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊ค ยูทูป ผู้ผลิตโทรทัศน์แย่กันมากในช่วงปีสองปีแรกแต่ช่องก็ทุ่มเทกัน แล้วก็มีผู้ยอมแพ้ก็มี เลิกช่องกันไป 

อันนั้นว่าโหดแล้วมีอีกระลอกนึงเค้าบอกว่าตายซ้ำซ้อนพิการซ้ำซากทีวีดิจิตอลกำลังแย่งชิงสื่อแย่งชิงโฆษณาก็มีโควิดเข้ามาทุบเราอีก ?

วิทวัจน์ : ยังไม่ทันฟื้นดีเลย คิดว่าจะหายใจหายคอได้จะลุกขึ้นมาได้โดนเปรี้ยงขึ้นมาอีก ตายไปอีกรอบนึง ตายซ้ำตายซ้อน 

ตอนนั้นเสียหายอะไรยังไงบ้าง ?

วิทวัจน์ : ก็ขาดทุน แม้แต่ดันดาราก็ขาดทุนก็เป็นธรรมชาติมีขึ้นก็ต้องมีลง เจอโควิดไปอีกก็ค่อนข้างจะหนักแม้ว่าจะดูทีวีอยู่ที่บ้านแต่ไม่ออกไปซื้อของ ดูทีวีอยู่ที่บ้านเรตติ้งทีวีดีขึ้นมาหน่อยก็จริงแต่คนขายโฆษณาหรือว่าคนซื้อโฆษณาจากเราขายของในรายการของเราไม่มีคนไปซื้อ เซเว่นปิด ล็อคดาวน์กี่เดือนล่ะ จบ 

คุณอาเลือกแก้ไขอันดับแรกเลยคือลดเงินเดือนตัวเองก่อนเลย ?

วิทวัจน์ : ใช่ ลดเงินเดือนตัวเอง 60% 

แต่รายการก็ฝ่าวิกฤตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ตี 10 มีอายุเท่าไหร่ ?

วิทวัจน์ : 4 ทุ่มสแควร์ 7 ปี 7 เดือน ตี 10 26 ปี 

เคล็ดลับการอยู่ยงคงกระพันของตี 10 คืออะไร ?

วิทวัจน์ : เค้าเรียกทนมือทนตีนครับ มันก็ต้องทนต้องสู้ไป แล้วก็แก้ไขปัญหาไปเป็นเรื่องปกติ หัวแข็งๆ เข้าไว้ทุบไม่แตกทุบไม่ตาย การทำธุรกิจก็ลดค่าใช้จ่ายแล้วก็เพิ่มรายได้พยายามทำให้ได้มากที่สุด 

อยากบอกอะไรกับกลุ่มที่เป็นรักและเป็นกำลังใจ

วิทวัจน์ : ต้องขอบคุณแฟนๆที่ติดตามผมมายาวนาน วันก่อนก็ไปเจอคุณยายยืนอยู่ข้างหน้าซุปเปอร์แล้วเราก็จ่ายของอยู่ด้านหน้า พอจ่ายเสร็จเค้าคงได้ยินเสียงแล้วจำได้ แต่เค้าไม่เห็นหน้าอาเพราะเค้ายืนอยู่ข้างหลัง แล้วเค้าก็มาขอถ่ายรูป อายุซัก 70 ก็ต้องขอขอบคุณสำหรับผู้ที่ติดตามและยังจำหน้าได้ 

ณ ช่วงเวลาขาขึ้นบางคนจะเอาตรงโน้นตรงนี้อีก แต่คุณอาเล่ามาไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรืออะไรก็ตาม คุณอาจะทำเพียงหนึ่งรายการเท่านั้นในมือ เพราะว่าอะไร ?

วิทวัจน์ : เพราะมีความรู้สึกว่าการทำรายการโทรทัศน์ไม่ใช่เรื่องง่าย ยากมากที่สุดก็คือการทำโทรทัศน์ให้ดี การทำโทรทัศน์อาจจะไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่จะทำให้ดีโคตรยาก เราเลยรู้สึกว่าเราคิดอะไรได้เราก็ทุ่มลงไปในนั้นหมดเลย เอาเฉพาะดันดาราไอเดียของดันดาราที่มาร้องรู้หน้าไม่รู้ใจ รู้ใครไม่รู้คุณ เราเคยนับประมาณ 200 ไอเดีย คอนเซ็ปต์ย่อยของดันดาราประมาณ 200 ไอเดียเล็กๆน้อยๆ ที่เราแยกกันไป ไอเดียเล็กๆ พวกนั้นออกมาทำรายการได้เลย แต่เมื่อทำไปแล้วซ้ำอยู่อย่างนั้นคนดูก็เบื่อ เพราะฉะนั้นอาคิดอะไรได้ก็ใส่เข้าไป มันจึงเป็นรายการที่เรียกว่าวาไรตี้คนจีนเค้าเรียกจับฉ่าย 

เคยคิดจะวางมือบ้างมั้ย ?

วิทวัจน์ : เคย ทำไมจะไม่เคย เคยแทบทุกวันโดยเฉพาะหลังๆ อายุปูนนี้ มีความรู้สึกว่าหมดภูมิแล้วหมดไอเดียแล้ว มันอาจจะหมดยุคของเราแล้ว คิดทุกวัน 

คุณอาวางเป้ามั้ยว่าจะเกษียณตอนไหน ?

วิทวัจน์ : อยากจะเลิกซักอายุ 120 (หัวเราะ) 

คุณอาบอกว่าที่ยังไม่อยากหยุดเพราะว่าไม่อยากอยู่เฉยๆ ยังอยากทำอะไรเป็นประโยชน์อยู่ กลัวอัลไซเมอร์ ?

วิทวัจน์ : ถูกต้อง ข้อมูลวิชาการทางการแพทย์เค้าบอกว่าสมองต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาเค้าบอกว่าถ้าเมื่อไหร่สมองหยุดคิดร่างกายของเราจะโรยราเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นตรงนี้อามีความรู้สึกว่าก็ทำไปเรื่อยๆ ตราบใดที่แรงยังมี ตราบใดที่สมองยังคิดได้ อยากคิดเป็นคนชอบคิด 

สุดท้ายแล้วอยากได้มุมมองในการทำงาน ?

วิทวัจน์ : ธุรกิจชนิดอื่นไม่ทราบแต่ถ้าทำทีวีก็ความคิดสร้างสรรค์ครีเอทีฟไอเดีย ถ้าทำรายการโทรทัศน์ครีเอทีฟโปรดิวเซอร์ต้องดี สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่เรียนวารสาร เรียนนิเทศฯมา ถ้าอยากรายการโทรทัศน์ ทำคอนเท้นท์ใดๆ ในปัจจุบันนี้อาจจะเป็นคอนเท้นท์ในโซเชียลมีเดียก็ตามครีเอทีฟไอเดียเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งหลายๆคนก็คงจะนั่งคิดคอนเท้นท์ทุกวัน

เป็กกี้ : ในส่วนของเป็กนะ เป็กภูมิใจมากตั้งแต่ออกจากบ้านคุยกับสามีว่าวันนี้เป็นวันเกียรติยศของเป็ก เป็กแตะรายการบันเทิงทีวีรายการแรกก็คือรายการตี 10 ช่วงดันดารา เป็กภูมิใจมากหลังจากที่เป็นคนธรรมดาเลยแล้ววันนี้เป็กได้นั่งตรงนี้สัมภาษณ์ คุณวิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ เรียกได้ว่านี่คืออีกหนึ่งเกียรติยศของเป็ก วันนี้กราบขอบพระคุณคุณอาที่มานั่งให้เป็กได้สัมภาษณ์ กราบขอบพระคุณจริงๆ

วิทวัจน์ : ในส่วนของเป็กคือความสามารถของเค้าล้วนเพียงแต่ว่ามันมีโอกาสนิดนึงตรงนั้นช่วงดันดาราที่เป็กมาแล้วฟูลมาก สนุกมากเทปนั้น แล้วเห็นเลยว่าคนคนนี้ไปไกลแน่ สวย ฮา ไม่ห่วงสวย 

ชมพู่ : ความในใจของชมพู่นะคะ ต้องขอบคุณคุณอามากๆ ที่เห็นแววในเด็กผู้หญิงคนนี้ทั้งที่ไม่รู้ว่าใครจะมองเห็นความสามารถอะไรในตัวเราบ้างแต่คุณอาเล็งเห็นและให้โอกาสในการมาเป็นพิธีกรในช่วงนึงของรายการดันดารา เป็นงานที่เปลี่ยนชีวิตมากๆ ทำให้มีชื่อเสียงมีเงินทอง มีคนรู้จักและมีคนยอมรับเราในฐานะพิธีกรมากขึ้น ขอบคุณคุณอามากๆที่ให้โอกาสหนู

วิทวัจน์ : ขอบคุณที่รู้คุณค่าของโอกาส คนนี้อีกคนที่ไม่ห่วงสวย ตอนนั้นอาพูดกับชมพู่ว่าชมพู่เป็นแบบนี้เลยเป็นแบบที่ตัวเองเป็น ไม่ต้องห่วงสวย ทั้งคู่เป็นคนที่มีความสามารถสมแล้วที่ชีวิตเค้ารุ่งเรืองแบบนี้

ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

Next Post

"แอน ทองประสม" เจอ "น้องนาตาชา" ดักรอทุกเช้า เอ็นดูหลานตัวน้อยพูดถึงป้าทั้งวัน

โดนตกไปเต็มๆ อีกคนแล้ว สำหรับนางเอกสาว แอน ทองประสม เมื่อได้เจอ น้องนาตาชา ลูกสาวของ ฟลุค เกริกพล และ นาตาลี เจียรวนนท์ มาดักรอเจอทุกเช้าที่มาออกกำลังกาย โดย แอน ทองประสม ได้เผยคลิปน่ารักๆ ขณะนั่งพูดคุยกับ น้องนาตาชา ด้วยความเป็นกันเองและอบอุ่นสุดๆ พร้อมเขียนแคปชั่นไว้ว่า “ลูกสาวใครไม่รู้ ตื่น […]