“อนุทิน” รับสงกรานต์ปีนี้ ยอดผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้นแน่นอน

“อนุทิน” รับสงกรานต์ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแน่นอน สั่ง สสจ.เตรียมพร้อมรับมือ ยืนยันระบบสาธารณสุขรับไหว ห่วงคนปฏิเสธวัคซีน ขอประชาชนร่วมมือดูแลตัวเอง สถานบันเทิงคลายล็อกเมื่อเหมาะสม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หลังเทศกาลสงกรานต์ ว่า ธรรมชาติของโรค เชื้อจะติดอยู่กับคน และจะแพร่จากคนสู่คน ซึ่งช่วงสงกรานต์ ประชาชน ต้องกลับภูมิลำเนา

ซึ่งไม่ได้ห้าม เพราะเข้าใจว่าเป็นประเพณีของคนไทย โดยจะประเมินว่า ยอดผู้ติดเชื้อจะขยับขึ้นแน่นอน แต่เพราะสายพันธุ์โอไมครอน มีความรุนแรงต่ำกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ เท่ากับแม้จะติดเชื้อ แต่จำนวนผู้ป่วยหนักถึงเสียชีวิต ลดน้อยลง ส่วนสำคัญ เพราะการให้บริการวัคซีน รวมไปถึงความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนด้วย ส่วนกลุ่มที่เสียชีวิต คือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และไม่ได้รับวัคซีน ตามเกณฑ์ของ กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ ซึ่งพยายามแก้ปัญหา ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนเชิงรุกให้ได้มากที่สุด

ส่วนช่วงสงกรานต์ ได้สั่งการให้นายแพทย์ สสจ. ไปจนถึงโรงพยาบาล เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่การรักษาโควิด-19 แต่ยังหมายถึงเรื่องอุบัติเหตุและโรคอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ ยังให้ความมั่นใจว่า ระบบสุขภาพของไทยมีความพร้อม อีกทั้งยังให้การรณรงค์เรื่องการรับเข็มบูสเตอร์อย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีกลุ่มที่ปฏิเสธการรับวัคซีน ซึ่งต้องหาทางนำเขาเข้ามาฉีดให้ได้

โดยในช่วงสงกรานต์ เป็นวันหยุดยาว ก็ยังให้บริการวัคซีน ขอให้ลูกหลานที่กลับไปเยี่ยมภูมิลำเนา ได้พาผู้สูงอายุ มารับวัคซีน เพราะไม่อยากเห็นการป่วยหนัก ไม่อยากเห็นการเสียชีวิต แต่ถ้าติดเชื้อ แล้วอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ก็ต้องได้รับการรักษา จึงต้องพร้อมทั้งสถานที่ ยา แพทย์ บุคลากร และต้องขอบคุณบุคลากรทุกคนที่ดูแลประชาชน หลายคนเสียสละ ทำงาน ไม่ได้กลับบ้าน ขอให้ประชาชน โปรดให้ความร่วมมือในการช่วยกันระมัดระวังตนเองจากโควิด-19 ถือเป็นการให้กำลังใจคนทำงาน

สำหรับการเปิดประเทศ ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาระบบเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบมามาก ต้องหาทางเข้าไปช่วยเหลือ หาช่องทางให้คนได้ทำมาหากิน จะเห็นว่าการฉีดวัคซีน ให้แรงงาน พนักงาน ข้าราชการ คนทั่วไป ก็พยายามฉีดให้ครบถ้วน เมื่อถึงเวลาที่ต้องคลายล็อก อย่างเหมาะสม เช่น ผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้ปรับเป็นร้านอาหาร แต่ขอให้เคารพกฎหมายเช่นกัน เพราะอยากให้คนกลับมาใช้ชีวิต จึงตระหนักถึงเรื่องความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ แต่ต้องอยู่บนจุดที่เหมาะสม เมื่อมีปัญหา จะต้องเข้าไปจัดการได้ ตอนนี้จะต้องใช้ชีวิตกันแบบ NEW NORMAL

การที่ยังได้รับการจัดลำดับ เรื่องความมั่นคง ด้านการให้บริการด้านสาธารณสุขอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก ส่งผลให้ต่างชาติ ยังเชื่อมั่นในประเทศไทย ที่สำคัญคือได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน

ส่วนการไปสู่ความเป็นโรคประจำถิ่น ได้พยายามเดินทางไปถึงจุดนั้นตลอด ภายใต้เป้าหมายเรื่องการกดยอดผู้ป่วยหนัก การลดยอดผู้เสียชีวิต และเศรษฐกิจต้องเดินได้ด้วย สำหรับตน สำหรับแพทย์ ไม่อยากให้ใครติดเชื้อเลย ทำได้ด้วยการล็อกดาวน์ แต่มีผลเสียมหาศาลตามมา ต้องหาทางออก เพื่อให้ทุกส่วนไปด้วยกันได้ จุดแข็งของไทย คือ ระบบสุขภาพไทยยังเข้มแข็ง

ที่ผ่านมา ระบบที่เกิดขึ้น มีองค์คณะในการตัดสินใจ ประกอบไปด้วยทุกภาคส่วนมาประเมิน ใช้วิชาการมาช่วยคิด ใช้ประสบการณ์ทางการแพทย์มาช่วยพิจารณา การเลือกแนวทาง ไม่ได้มาจากคนคนเดียว

 

Next Post

"ปารีณา" บอก ตาบวมหมดแล้ว วอนสื่อนำเสนอให้ถูก ที่ดิน สปก. ไม่ใช่ป่า

หลังจาก ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า นางสาวปารีณา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม หลังศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ นางส […]