“โรม” อภิปรายขุดปม ขบวนการค้ามนุษย์ เผยสาเหตุ “พล.ต.ต.ปวีณ” ต้องลี้ภัย
ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปราย เชื่อมโยงประเด็นการค้ามนุษย์ ชาวโรฮีนจา กรณีมีการค้นพบค่ายกักกัน และหลุมศพกลางป่าบนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา
จากข้อมูลระบุว่า ผู้อพยพต้องจ่ายเงินหลายหมื่นบาทเดินทางมาจากประเทศต้น โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังมาเลเซีย แต่ระหว่างนั้นกลับถูกกักกันไว้ โดยขบวนการค้ามนุษย์จะติดต่อข่มขู่ญาติพี่น้องที่อยู่ฝั่งมาเลเซีย เพื่อให้จ่ายค่าไถ่อีกรอบหนึ่ง
ในครั้งนั้นมีการแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ คดีนี้สามารถสืบสาวไปถึงนักการเมืองท้องถิ่น ตำรวจ และทหารหลายนาย ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์นี้ โดยหลักฐานชิ้นสำคัญคือสลิปการโอนเงินมูลค่าหลายสิบล้านบาท จากขบวนการค้ามนุษย์ไปยังบัญชีธนาคารของ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก จากผู้ปฎิบัติงานด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ และนำไปสู่การออกหมายจับ พล.ท.มนัส ในฐานะผู้ต้องหาของคดีนี้ในที่สุด
ระหว่างการคลี่คลายคดี พล.ต.ต.ปวีณ หัวหน้าทีมสืบสวน ได้รับโทรศัพท์จากนายตำรวจที่อ้างตัวเป็นคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อ้างว่าต้องการให้พล.ท.มนัส ถูกปล่อยตัวเมื่อมีการมอบตัว และยังมีการกดดันหลายทางเนื่องจากเกิดความไม่พอใจของฝ่ายทหารที่พล.ท.มนัส ถูกออกหมายจับ
ท้ายที่สุดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2558 พล.ต.ต.ปวีณ ถูกคำสั่งย้ายให้ไปรักษาราชการอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ เปรียบเสมือนเป็น “ใบสั่งตาย” แต่ พล.ต.ต.ปวีณ ไม่สมัครใจย้ายไปตามคำสั่งดังกล่าว พร้อมขอให้ทบทวนคำสั่ง ในที่สุดจึงตัดสินใจยื่นใบลาออกจากราชการตำรวจเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558
ภายหลัง พล.ต.ต.ปวีณ ยื่นหนังสือลาออก มีนายทหารชั้นสูงยืนข้อเสนอต่างๆ แต่ท้ายที่สุดกลับถูกบีบให้ลาออกดังเดิม
พล.ต.ต.ปวีณ จึงรู้สึกว่าไม่สามารถไว้วางใจผู้บังคัญบัญชา และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้อีก การอยู่ในประเทศไทยจะกลายเป็นช่องให้ถูกกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะการยัดข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น มีทหารตำรวจและบุคคลจำนวนมากโดนข้อกล่าวหานี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ พล.ต.ต.ปวีณ ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ