9 พรรคก้าวสู่ 65: พรรคเพื่อชาติ ยืนหยัดลดความเหลื่อมล้ำ จี้ รบ.หยุดมอง ปชช.เป็นลูกน้อง

9 พรรคก้าวสู่ 65: เพื่อชาติยืนหยัดลดความเหลื่อมล้ำ ย้ำรัฐบาลต้องหยุดมองประชาชนเป็นลูกน้อง

นางสาว เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าว  News เนื่องในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า 2564 ต้อนรับปีใหม่ 2565 กับ 5 คำถามมองภาพรวมผลงานพรรคในปีนี้และแนวทางของพรรคในปีหน้า

ผลงานของพรรคในปี 2564 และแนวทางการทำงานปี 2565

โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า พรรคเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน โดยเฉพาะการชี้ให้เห็นถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำภายใต้ระบบเจ้าสัว และความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณ ในการอภิปรายผ่านรัฐสภา แต่เนื่องจากพรรคไม่ได้เป็นรัฐบาลจึงสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ไม่มาก ดังนั้นจุดยืนของพรรคคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุด อุดรอยรั่วต่างๆ เท่าที่จะทำได้ เช่น ลงไปช่วยกลุ่มต่างๆ ทำงานเพื่อปิดจุดอ่อนของนโยบายรัฐบาล ยกตัวอย่าง กลุ่มพลเมืองร่วมใจที่ถ้ำหลวง, ร่วมกับภาคประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญ รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมาผลักดันกฎหมายในสภา และดำเนินการในกรรมาธิการต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

“ประสบความสำเร็จแต่ยังไม่เสร็จสิ้น”

เมื่อถามว่า ประเมินผลงานตัวเองว่าประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน? น.ส.เกศปรียา กล่าวว่า ถือว่าสำเร็จ แต่ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะปัญหาของประชาชนเป็นปัญหาต่อเนื่องและเปลี่ยนแปลงตลอด พรรคจึงวางภารกิจเหล่านี้เป็นงานระยะยาว ซึ่งปีหน้าจะมีการผลักดันอีกหลายอย่าง ทั้งเดินหน้าเพิ่มอำนาจให้ประชาชน แก้ข้อกฎหมาย และแบ่งปันองค์ความรู้ด้านต่างๆ ซึ่งมีทีม Think Tank ทำงานปฏิรูปนโยบายพรรคอยู่ในขณะนี้ โดยมีโจทย์จากประเทศไทยที่เคยติดอยู่กับวังวนเดิมๆ จนกลายเป็นวัฒนธรรมเฉพาะตัวที่ทำให้ประเทศไม่พัฒนา ไปสู่เป้าหมายการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ทางการเมือง ผ่าน Political Innovation ของพรรคในปีหน้าแต่จะยังไม่บอกว่าจะเป็นอะไร รูปแบบไหน ขอให้ติดตามผ่านช่องทางต่างๆ ของพรรคเพื่อชาติ

พร้อมย้ำว่า “เราไม่ได้มาเล่นๆ” พรรคเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปีหน้า แม้ต้นตอปัญหาของประชาชนคือการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล แต่หากพรรคมีโอกาสที่จะได้บริหารงานก็เชื่อมั่นว่าจะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ เพราะเราทำงานหนักมาตลอด และปีหน้าจะยิ่งทำงานหนักมากขึ้น ตามสโลแกน “เพื่อชาติ เพื่อประชาชน”

น.ส.เกศปรียา มองว่า ภายใต้การนำของ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ หัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งเป็นนักสู้และเป็นนักพูดดาวสภา จะยิ่งเพิ่มศักยภาพของพรรคในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และจะสร้างอะไรใหม่ๆ ให้พรรคไม่มากก็น้อย แต่การทำงานก็ยังทำงานร่วมกันเป็นพรรคเหมือนเดิม ไม่ได้ยึดใครคนใดคนหนึ่งเป็นหลัก  และเน้นเรื่องการแก้ปัญหาความเลื่อมล้ำต่อไป

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวของหัวหน้าพรรคกับพรรคเพื่อไทย ตนมองว่าไม่มีปัญหากับการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะที่ผ่านมาก็ทำงานร่วมกันได้ปกติดี ไม่มีปัญหา ทุกคนมีวิถีการทำงานของตัวเอง แต่มีเป้าหมายร่วมกันคือทำให้ประเทศมีประชาธิปไตยอย่างเต็มใบและสมบูรณ์

สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจปี 2565

 น.ส.เกศปรียา คาดว่า สถานการณ์การเมืองปีหน้าจะร้อนแรงขึ้น เพราะการบริหารงานที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เกิดวิกฤติการเมือง และทำให้ประชาชนไม่พอใจ เหมือนประชาชนถูกซ้ำเติมด้วยรัฐบาลเอง การจะแก้วิกฤติก็ต้องแก้ด้วยต้นตอคือการบริหารเป็นหลัก แต่เนื่องจากพรรคเพื่อชาติไม่ได้เป็นรัฐบาล สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือช่วยอุดรูรั่วของนโยบายรัฐ ในด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และสุขภาพ

ด้านเศรษฐกิจ คนไทยคงต้องเหนื่อยกันอย่างต่อเนื่องเพราะ สถานการณ์โรคระบาด การบริหารจัดการโรค และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เชื่อมโยงกันหมด ตอนนี้เหมือนรัฐบาลติดกระดุมเม็ดแรกผิด ผลกระทบก็ตกอยู่ที่ประชาชนที่ต้องรับแรงกระแทก พรรคเพื่อชาติเสนอว่า การแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือ ต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์ กลางว่าเขาต้องการอะไร และเริ่มกลัดกระดุมจากตรงนั้น สร้างแนวทางเฉพาะให้กับกลุ่มต่างๆ มากขึ้น เช่น คนตกงาน รัฐต้องทำนโยบายส่งเสริมให้พวกเขากลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่บ้านเกิด ยกตัวอย่างเช่น ภูมิภาคที่ทำเกษตรกรรม รัฐก็ต้องสร้างมูลค่าสินค้า สร้างเครือข่ายให้เขามีงานทำงานจากตรงนั้น ไม่ต้องดิ้นรนหางานในเมืองใหญ่ เปลี่ยนจาก Work from Home เป็น Come Back Home and Work at Home

สุดท้ายนี้ หากขอพรปีใหม่ได้ ตนคิดว่า เรื่องความเหลื่อมล้ำมันลามไปถึงสิทธิเสรีภาพ, ตัวตนและอัตลักษณ์ทางเพศ, รวมไปถึงอุดมการณ์ทางการเมืองซึ่งเป็นผลจากการบริหารงานของรัฐบาล ประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและภาษี ต้องได้รับความคุ้มครองที่เท่าเทียม รัฐต้องตื่น ไม่ใช้ความคิดที่คับแคบ มองว่าประชาชนเป็นลูกน้อง ไม่อย่างนั้นผลก็จะเป็นอย่างที่เห็น พรรคเพื่อชาติอยากเป็นกำลังใจ ให้ประชาชนไม่ย่อท้อและมีความหวัง ถ้าเกิดปีหน้าการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เราจะทำงานให้หนักขึ้นและทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้มีโอกาสมาแก้ปัญหาและรับใช้พี่น้องประชาชน

ผู้เขียน : อรรถชัย หาดอ้าน

Next Post

รวย 342 ล้าน! ป.ป.ช.กางทรัพย์ "เอ้ สุชัชวีร์" ว่าที่ผู้สมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. ค่ายสีฟ้า

สำนักงาน ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน “เอ้ สุชัชวีร์” ว่าที่ผู้สมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ รวมคู่สมรสอู้ฟู่ 342 ล้าน มีหนี้สิน 35 ล้าน วันนี้ (29 ธ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ […]