จุดจบสายแว้น “วัยรุ่นสุพรรณ” วัย 15 ปี ซิ่งเย้ยโควิด บิดหนีตำรวจสายตรวจกลางดึก ชนกันเองสาหัส 2 ราย
(30 เม.ย.64) ที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อเวลา 23.45 น. พ.ต.ท.ธวัธชัย ขุนเอม สารวัตรสอบสวน สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ชนกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสที่ถนนสาย 357 เลี่ยงเมือง-วังยาง หมู่ 7 ต.มดแดง ไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี ที่เกิดเหตุอยู่ฝั่งขาเข้าวังยางพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 110 สีนำเงินล้มตะแคงอยู่ริมถนนสภาพมีรอยชนหน้ารถพังเสียหายยับเยิน ห่างกันประมาณ 20 เมตรพบร่าง นายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสไม่รู้สึกตัวจึงรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรีบนำส่ง รพ.ศรีประจันต์ ให้แพทย์รักษา
ห่างกันประมาณ 80 เมตรพบร่าง น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ได้รับบาดเจ็บสภาพกระดูกขาแตกหักสะโพกแตก มีแผลฉีกขาดที่ขา นอนแน่นิ่งอยู่ในร่องกลางถนน เจ้าหน้าที่จึงรีบนำขึ้นปั๊มหัวใจและปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรีบนำส่ง รพ.ศรีประจันต์ เป็นรายที่ 2 ห่างกันประมาณ 50 เมตรพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 125 สีเขียว สภาพมีรอยชนพังเสียหายล้มตะแคงตกลงไปในร่องกลางถนนที่บนถนนพบแผ่นป้ายทะเบียน 1 กท 5743 สุพรรณบุรี ติดอยู่กับปลายบังโคลนหลังมีข้อความเขียนว่าวัยรุ่นสุพรรณ ตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่านายเอ และ น.ส.บี สองวัยรุ่นมีบ้านอยู่ ต.สระแก้ว ก่อนเกิดเหตุได้นัดเพื่อนร่วมแก๊งมารวมตัวกันขับขี่รถจักรยานยนต์ แข่งขันกันที่ถนนสาย 357 เลี่ยงเมือง-วังยาง กว่า 50 คันโดยจะแข่งกันบริเวณสะพานวังยาง-ไปถึงสะพานสามเหลี่ยม ขณะที่กลุ่มเด็กแว้นรวมตัวแข่งรถอยู่บนทางแบบไม่สนใจโควิดและคำสั่งจังหวัดที่ห้ามนอกบ้านช่วงเวลา 23.00-04.00 น. กันอยู่นั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสาย สภ.เมืองสุพรรณบุรี และสายตรวจ สภ.ศรีประจันต์ ออกตรวจกวดขันจับกุมเนื่องจากแก๊งวัยรุ่นแข่งรถจักรยานยนต์ ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ประชาชนซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้ถนนและต้องการพักผ่อนแต่กลับถูกแก๊งเด็กแว้นมาแข่งรถเสียงดัง
เมื่อแก๊งวัยรุ่นแข่งรถเห็นตำรวจมาไล่จึงเร่งเครื่องแข่งกันหนีการจับจับถึงที่เกิดเหตุ คาดว่ารถจักรยานยนต์ที่ขับมาด้วยความเร็วสูงเกิดเสียหลักเฉี่ยวชนกันขึ้นทำให้รถล้มกระแทกพื้นก่อนจะกระเด็นไปคนละทางโดยคันหนึ่งไถลออกข้างทางส่วนอีกคันกระเด็นตกไปในร่องกลางถนนจนพังเสียหายคนขับรถทั้ง 2 คัน ได้รับบาดเจ็บสาเหตุยังให้การไม่ได้เจ้าหน้าที่จึงถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวน และรอผู้ได้รับบาดเจ็บอาการดีขึ้นจึงจะทำการสอบสวนเพื่อเนินการตามกฎหมายต่อไป
