นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เข้าพบ พ.ต.ท.อธิชย์ ดอนนันชัย รอง ผกก.(สอบสวน) สน.นางเลิ้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกกรณีที่ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งความไว้เมื่อวันที่ 21 ม.ค.64 ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามกฎหมายอาญา ม.112, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และหมิ่นประมาทฯ กรณีไลฟ์เฟซบุ๊กบรรยายหัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย” บนเพจคณะก้าวหน้าและเพจ นายธนาธร วิพากษ์วิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลที่มีความล่าช้า
นายธนาธร กล่าวว่า ได้รับหมายเรียกจากการวิจารณ์กลยุทธ์การบริหารจัดซื้อจัดหาวัคซีนโควิด-19 ซึ่งส่วนตัวไม่มีความกังวล ยืนยันว่า หากใครได้รับชมคลิปดังกล่าวจะเห็นว่าไม่มีข้อความใดที่ละเมิดข้อหานี้เลย ส่วนกรณีกระทรวงเศรษฐกิจเพื่อดิจิตัลและสังคม หรือ DES ทำคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ถอดคลิปเฟซบุ๊กไลฟ์ดังกล่าว ซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินให้ยกคำร้องและเห็นแล้วว่าสิ่งที่พูดไว้เมื่อ 2 เดือนก่อนเกิดขึ้นจริงในตอนนี้ หากพิงบริษัทใดบริษัทหนึ่งมากเกินไปอาจเป็นความเสี่ยงต่อสังคม
ขณะเดียวกัน นายธนาธร กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์เกี่ยวกับวัคซีนตอนนี้แบ่งเป็นเรื่องกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จัดหา และเรื่องการฉีด เพราะขณะนี้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 150,000 โดส ยังมีวัคซีนค้างสต็อกกว่า 1 ล้านโดส และฉีดตั้งแต่ปลายเดือนก่อนถึงตอนนี้ ตกวันละ 5,000 โดส แสดงให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพในการฉีดการจะหมด 1 ล้านโดส ต้องใช้เวลา 200 วัน จึงจะหมดสต็อก หากไม่ตรวจสอบประชาชนคงไม่ทราบ เหตุใดจึงไม่รีบกระจายไป ในเมื่อมีวัคซีนในมือ กระบวนการทั้งหมดมีปัญหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ดึงสถาบันมาปกปิดความผิดของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า การถูกหมายเรียกในวันนี้จึงไม่เหนือความคาดหมาย
นายธนาธร ยังกล่าวอีกว่า วันนี้มีการใช้กฎหมายที่เลือกปฏิบัติแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน อดีตที่ผ่านมามีผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลมาแล้วหลายครั้ง แต่กลับมีการสลายชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้าที่มีความสงบสันติและมีข้อเรียกร้องชัดเจน ต้องเรียกร้องรัฐบาลว่าหากต้องการให้สังคมอยู่อย่างสงบสุข ต้องบังคับใช้กฎหมายให้เสมอภาค
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ได้เดินทางมาติดตามคดีนี้ โดยระบุว่า คดีตามมาตรา 112 กองบัญชาการ จะต้องติดตามคดีนี้ด้วยตนเอง