เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 จเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์วิจัยโรคปรสิต parasitic disease research center ได้โพสภาพพร้อมข้อความว่า
“พยาธิใบไม้ในเนื้อปลาช่อน สองสามวันก่อนมีภาพจุดดำๆในเนื้อปลาช่อน ก็มีถามมาหลายท่านว่าคืออะไร เราเองก็คงระบุได้ยากว่าคืออะไร ต้องนำมาดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อให้ละเอียด แต่ก็มีคลิปอยากแนะนำให้ดู ที่ช่อง HD มักเลาะ Channel ที่จับปลาช่อนมาได้แล้วหั่นเจอพยาธิ ซึ่งเทียบเคียงแล้ว สิ่งแปลกปลอมก็คล้ายๆกับที่พบในปลาของข่าวข้างบน จริงๆแล้วปลาช่อนมีพยาธิหลายชนิด แต่ส่วนมากจะพบที่ลำไส้ อาทิ พยาธิใบไม้ พยาธิตัวกลม (ตัวจี๊ด) พยาธิหัวหนาม พยาธิตืด ที่กล้ามเนื้อก็พบบ้าง อาทิ พยาธิใบไม้ Euclinostomum heterostomum พยาธิตัวจี๊ด Gnathostoma spp ถ้าท่านไม่กินเนื้อปลาช่อนดิบ ทำให้สุก ก็ปลอดภัย”
ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามไปยัง ผศ.ดร.ณัธคพัชฬ รัตนพิทูลย์ นักวิจัย ศูนย์วิจัยโรคปรสิต สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดเผยว่า สำหรับภาพและคลิปวีดีโอที่เผยแพร่อยู่ในโลกโซเชียลดังกล่าวไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นพยาธิหรือปรสิตชนิดใดเนื่องจากเจ้าของภาพและคลิปไม่ได้ส่งตัวอย่างมาให้ตรวจ แต่สำหรับพยาธิในปลาช่อนมีพยาธิใบไม้ พยาธิตัวกลม พยาธิตัวตืดและพยาธิหัวหนามส่วนใหญ่พยาธิเหล่านี้จะอาศัยอยู่ในลำไส้หรือตามเหงือกของปลา ส่วนพยาธิที่เห็นชอนไชอยู่ตามกล้ามเนื้อของปลาก็คือพยาธิใบไม้ ตัวพยาธิชนิดนี้จะเข้าไปอยู่ในเนื้อปลาเป็นลักษณะก้อนซีสต์หรือเยื่อหุ้มสีดำ สำหรับพยาธิใบไม้ที่พบในปลาช่อนตามข้อมูลที่ผ่านมายังไม่มีรายงานว่าพบการก่อโรคในคน อย่างไรก็ตามหากเรานำมาปรุงอาหารสุกพยาธิเหล่านี้ก็จะกลายมาเป็นโปรตีน
ทั้งนี้ ผศ.ดร.ณัธคพัชฬ ได้ฝากเตือนประชาชนที่ชอบรับประทานกุ้ง หอย ปลาร้า ปลาส้ม ไม่ควรรับประทานแบบดิบๆ ควรปรุงให้สุกเนื่องจากในอาหารดังกล่าวมีพยาธิที่เป็นอันตรายอยู่ โดยกุ้งฝอยที่นิยมมาทำเมนูกุ้งเต้นจะมีพยาธิตัวจี๊ดซึ่งเป็นพยาธิตัวกลมชนิดหนึ่ง และกุ้งภูเขาหรือกุ้งล็อบสเตอร์จะมีพยาธิพยาธิใบไม้ปอด หากรับประทานแบบดิบๆเสี่ยงติดเชื้อจากพยาธิเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
สำหรับพยาธิที่อยู่ในหอย โดยเฉพาะหอยน้ำจืดหากรับประทานแบบดิบๆอาจติดเชื้อจากพยาธิต่างๆ เช่นใบไม้พยาธิ พยาธิตัวกลม และพยาธิหอยโข่ง ซึ่งพยาธิหอยโข่งสามารถทำให้เกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
ส่วนคนที่ชอบรับประทานปลาดิบ ปลาร้าดิบปลาส้มดิบ มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อพยาธิต่างๆ แต่สำหรับปลาร้ามีงานวิจัยระบุว่าหากใช้ความเค็มมากกว่า 10 % และมีระยะเวลาในการหมักปลาร้านานกว่า 3 เดือนขึ้นไปจะสามารถฆ่าพยาธิ การรับประทานจึงจะค่อนข้างที่จะปลอดภัย
หากที่จะเลือกรับประทานปลาร้าให้ปลอดภัยควรต้องต้มให้สุก แต่หากจะรับประทานปลาร้าดิบควรเลือกปลาร้าที่หมักเกิน 1 ปี หรือซื้อปลาร้าที่มี อย. สำหรับที่น่าเป็นห่วงคือปลาส้มเนื่องจากระยะ 3-4 วันก็นำมารับประทานแล้วมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อพยาธิมากกว่าจึงแนะนำให้ปรุงสุกเพื่อความปลอดภัย ผศ.ดร.ณัธคพัชฬ รัตนพิทูลย์ นักวิจัยกล่าว
