เปิดใจครอบครัวหนุ่มไทย เหยื่อสงครามอิสราเอล สุดช้ำดิ้นรนไปทำงานแต่ไม่มีวันได้กลับมา

ญาติหนุ่มแรงงานหนุ่มวัย 23 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ภาวนาขอให้สงครามยุติ ไม่อยากให้แรงงานไทยที่ดิ้นรนไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวต้องจบชีวิตเหมือนหลาน พร้อมวอนให้รัฐช่วยครอบครัวที่ต้องขาดเสาหลัก ส่งเสียหลาน 2 และ 4 ขวบ จนเรียนจบมีงานทำ

ความคืบหน้ากรณีที่ นายสิขรินทร์ สงำรัมย์ หรือ ลิป อายุ 23 ปี หนึ่งในแรงงานไทยชาว ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิต จากเหตุการณ์สู้รบกันที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งครอบครัวและญาติพี่น้องยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็มีเพื่อนบ้านมาให้กำลังใจต่อเนื่อง ซึ่งทางครอบครัวก็เฝ้ารออยากให้หน่วยงานรัฐ ช่วยเหลือนำศพกลับมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด เพราะอย่างน้อยก็จะได้เห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ดีกว่าการนำเถ้ากระดูกกลับมาทำบุญเท่านั้น

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ก็ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมชี้แจงเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ครอบครัวของนายสิขรินทร์ จะได้รับการเยียวยาช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ เงินช่วยเหลือจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศจำนวน 40,000 บาท และค่าทำศพจากประกันสังคมอีก 50,000 บาท บวกกันเงินสะสมอีกจำนวนหนึ่ง

นอกจากนั้นยังจะได้รับสิทธิประโยชน์ และเงินจากกองทุนผู้ประสบภัยสงคราม ของทางฝั่งประเทศอิสราเอลเป็นรายเดือนอีกด้วย โดยรับปากจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย

ขณะที่ นางลำพัน อุปคุณ ป้าของนายสิขรินทร์ บอกว่า เสียใจที่ต้องมาสูญเสียหลานชายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่หลานตั้งใจจะไปทำงานหาเงินเพื่อมาชำระหนี้สิน และจุนเจือครอบครัว แต่ต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้ ทำให้ลูกชายของหลานวัยเพียง 2 ขวบ และ 4 ขวบ ต้องมากำพร้าพ่อและขาดเสาหลัก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อยากจะภาวนาขอให้สงครามยุติลง จะได้ไม่ต้องมีแรงงานที่ดิ้นรนไปทำงานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ต้องมาตกเป็นเหยื่อสูญเสียชีวิตเหมือนกับหลานชายของตนเองอีก

พร้อมกันนี้ยังอยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐได้เข้ามาเยียวยาช่วยเหลือครอบครัวของหลานด้วย ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายกินอยู่ ภาระหนี้สิน และอยากให้ส่งเสียลูกทั้ง 2 คนของผู้เสียชีวิต ให้ได้เรียนสูงๆ และมีงานทำ สามารถเลี้ยงตัวเองได้ เพราะที่ผ่านมา นายสิขรินทร์ทำหน้าที่เป็นเสาหลักหาเงินส่งมาดูแลครอบครัว แต่ก็ต้องมาจบชีวิตกับเหตุภัยสงครามที่เกิดขึ้น ความหวังของครอบครัวที่จะมีเงินใช้หนี้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นก็หมดลง เพราะลำพังรายได้จากการขายของ ของภรรยาผู้ตายในภาวะวิกฤตโควิดก็แทบไม่พอกินอยู่แล้ว

Next Post

"บอย-เจี๊ยบ" เจอแล้ว "ลุงแตงกวา" สานต่อความช่วยเหลือหลังพบว่าป่วยหลายโรครุมเร้า

นับเป็นอีกเรื่องราวดีๆ ของคู่รักใจบุญ บอย อนุวัฒน์ และ เจี๊ยบ พิจิตตรา ที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจปันอิ่ม ปันสุข แบ่งปันน้ำใจให้ผู้คนที่เดือดร้อนจากโควิด-19 ระลอกที่สามตามชุมชนต่างๆ ให้ได้อิ่มท้อง บรรเทาความทุกข์ใจไปได้บ้าง ด้วยการส่งน้ำใจผ่านรถพุ่มพวงไปในที่ต่างๆ ซึ่งระหว่างทางมีเรื่องราวที่เล่าด้วยรู […]